Logo

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม 2019 สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา

หมวด: เดือนตุลาคม 2019
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
ฮิต: 458

บทอ่านจากหนังสือเนหะมีย์                                        นหม 8:1-4ก,5-6,7ข-12
     ประชาชนทั้งปวงมาชุมนุมพร้อมกันที่ลานหน้าประตูน้ำ ขอให้เอสราธรรมาจารย์นำหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่อิสราเอลมาด้วย วันที่หนึ่งเดือนเจ็ด เอสราสมณะนำธรรมบัญญัติออกมาต่อหน้าชุมชนทั้งชายหญิงและเด็กที่มีวัยพอจะฟังเข้าใจได้ เอสราอ่านหนังสือที่ลานหน้าประตูน้ำตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยง ต่อหน้าชายหญิงและเด็กที่มีวัยพอจะฟังเข้าใจได้ ประชากรทั้งปวงตั้งใจฟังข้อความที่อ่านจากหนังสือธรรมบัญญัติ
     เอสราธรรมาจารย์ยืนอยู่บนยกพื้นไม้ที่ทำขึ้นเพื่อการนี้ เอสรายืนอยู่สูงกว่าประชากรทั้งปวง ทุกคนจึงเห็นเขาได้ เมื่อเขาเปิดหนังสือ ประชากรทุกคนก็ยืนขึ้น เอสราถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชากรทั้งปวงก็ชูมือขึ้นพูดว่า “อาเมน อาเมน” และก้มลงหน้าจรดพื้นนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
     ชนเลวีคือ เยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์ มาอาเสอาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด คานัน เปไลยาห์ ช่วยอธิบายธรรมบัญญัติให้ประชากรเข้าใจ เขาทั้งหลายแปลข้อความจากหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้าเป็นตอนๆ และอธิบายความหมายให้ประชากรเข้าใจ
     ประชากรทุกคนที่ฟังถ้อยคำของธรรมบัญญัติก็ร้องไห้ เนหะมีย์ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการ เอสราซึ่งเป็นสมณะและธรรมาจารย์ และชนเลวีผู้สอนประชากรจึงพูดกับประชากรทั้งปวงว่า “วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน อย่าเป็นทุกข์โศกเศร้าหรือร่ำไห้เลย จงกลับไปบ้าน เลี้ยงอาหารเลิศรส ดื่มเหล้าองุ่นอย่างดี และแบ่งปันอาหารให้คนที่ไม่มี เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่าเศร้าใจเลย เพราะความยินดีจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพละกำลังของท่าน” บรรดาชนเลวีจึงให้ประชากรทั้งปวงสงบลง พูดว่า “อย่าร่ำไห้เลย เพราะวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ อย่าโศกเศร้าไปเลย” ประชากรทุกคนจึงกลับบ้านไป กินและดื่ม แล้วแบ่งปันอาหารแก่ผู้อื่น เขาทั้งหลายมีความยินดีเพราะเข้าใจความหมายของถ้อยคำที่ได้ฟัง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                   ลก 10:1-12
     ต่อจากนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งศิษย์อีกเจ็ดสิบสองคนและทรงส่งเขาล่วงหน้าพระองค์ เป็นคู่ๆ ไปทุกตำบลทุกเมืองที่พระองค์จะเสด็จ พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่จะเกี่ยวมีมาก แต่คนงานมีน้อย จงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด จงไปเถิด เราส่งท่านทั้งหลายไปดุจลูกแกะในฝูงสุนัขป่า อย่านำถุงเงิน ย่ามหรือรองเท้าไปด้วย อย่าเสียเวลาทักทายผู้ใดตามทาง เมื่อท่านเข้าบ้านใด จงกล่าวก่อนว่า ‘สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด’ ถ้ามีผู้สมควรจะรับสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา มิฉะนั้น สันติสุขของท่านจะกลับมาอยู่กับท่านอีก จงพักอาศัยในบ้านนั้น กินและดื่มของที่เขาจะนำมาให้ เพราะว่าคนงานสมควรที่จะได้รับค่าจ้างของตน อย่าเข้าบ้านนี้ออกบ้านโน้น เมื่อท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาต้อนรับท่าน จงกินของที่เขาจะนำมาตั้งให้ จงรักษาผู้เจ็บป่วยในเมืองนั้นและบอกเขาว่า ‘พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้ท่านทั้งหลายแล้ว’ แต่ถ้าท่านเข้าไปในเมืองใดและเขาไม่ต้อนรับ ก็จงออกไปกลางลานสาธารณะ และกล่าวว่า ‘แม้แต่ฝุ่นจากเมืองของท่านที่ติดเท้าของเรา เราจะสลัดทิ้งไว้กล่าวโทษท่าน จงรู้เถิดว่า พระอาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว’ เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในวันพิพากษา ชาวเมืองโสโดมจะรับโทษเบากว่าชาวเมืองนั้น”

 

ข้อคิด

     ศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูเจ้าต้องไม่ยึดติดหรือให้ความสำคัญกับสิ่งของภายนอกมากเกินไป “อย่านำถุงเงิน ย่าม หรือรองเท้าไปด้วย” (ลก 10:4) แต่ยึดมั่นในความรัก การดูแลเอาใจ และการปกป้องคุ้มครองจากพระองค์แต่เพียงผู้เดียว เมื่อพระองค์ทรงส่งพวกเขาออกไปประกาศข่าวดี พวกเขาต้องมั่นใจในความดูแลเอาใจใส่ของพระองค์ ความสำเร็จของพันธกิจที่ได้รับมอบหมายไม่ได้ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ หรือสิ่งที่พวกเขามีเป็นหลัก แต่ขึ้นอยู่กับพระองค์ พวกเขาเป็นเพียงคนงานกลุ่มหนึ่งที่พระองค์ทรงส่งไป พวกเขาต้องเชื่อและไว้วางใจในความรักและพระอานุภาพของพระองค์ ดังนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเจออุปสรรคและปัญหาเลวร้ายแค่ไหน บุคคลแรกที่พวกเขาจะต้องนึกถึงคือพระองค์ สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือ ในฐานะคนงานของพระองค์ พวกเขาเป็นผู้นำ “สันติสุข” ไปให้กับคนอื่น เป็นการทำให้คนอื่นเป็นอิสระและมีความสุข วันนี้ขอให้บ้านทุกหลังได้ยินคำทักทายของพระเยซูเจ้าที่ว่า “สันติสุขจงมีแก่บ้านนี้เถิด” (ลก 10:5)