Logo

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม 2019 ระลึกถึง น.บอนาแวนตูรา พระสังฆราชและนักปราชญ์แห่งพระศาสนจักร

หมวด: เดือนกรกฎาคม 2019
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
ฮิต: 402

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                            อพย 1:8-14,22
      ในครั้งนั้น กษัตริย์องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ในอียิปต์ พระองค์มิได้ทรงรู้จักโยเซฟ ทรงประกาศแก่ประชาชนว่า “ดูซิ ชาวอิสราเอลมีจำนวนมากและมีกำลังมากกว่าเรา เราจะต้องจัดการขัดขวางมิให้คนเหล่านี้ทวีจำนวนมากขึ้น มิฉะนั้น ถ้าเกิดสงคราม เขาอาจไปเข้าข้างศัตรู มาสู้รบกับเราและหลบหนีออกจากแผ่นดินไป” ชาวอียิปต์จึงตั้งนายงานเกณฑ์ให้ชาวอิสราเอลทำงานตรากตรำ และสร้างเมืองปิธมและราเมเสสให้กษัตริย์ฟาโรห์ เพื่อเป็นคลังเก็บเสบียงอาหาร แต่ชาวอียิปต์ยิ่งกดขี่ชาวอิสราเอลมากขึ้นเท่าใด ชาวอิสราเอลก็ยิ่งทวีจำนวนแผ่กระจายออกไปมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งชาวอียิปต์รู้สึกกลัวชาวอิสราเอลมาก จึงบังคับชาวอิสราเอลให้ทำงานเป็นทาสอย่างทารุณ ทำให้ชีวิตของเขาเหล่านั้นขมขื่นเพราะถูกบังคับให้ทำงานหนัก ถูกบังคับให้ขุดดินเพื่อนำมาทำอิฐ ถูกบังคับให้ทำนา ชาวอียิปต์บังคับให้ชาวอิสราเอลทำงานหนักทุกชนิดอย่างทารุณ
      กษัตริย์อียิปต์รับสั่งกับหญิงทำคลอดชื่อชิฟราห์และอีกคนหนึ่งชื่อปูอาห์ซึ่งเป็นผู้ทำคลอดให้หญิงชาวฮีบรูว่า “เมื่อท่านทำคลอดให้หญิงชาวฮีบรู จงสังเกตเพศของทารก ถ้าเป็นชาย จงฆ่าเสีย ถ้าเป็นหญิงจงปล่อยให้รอดชีวิต” แต่หญิงทำคลอดเป็นผู้ยำเกรงพระเจ้า จึงไม่ได้ปฏิบัติตามรับสั่งของกษัตริย์อียิปต์ นางปล่อยให้เด็กชายรอดชีวิต กษัตริย์จึงรับสั่งให้เรียกหญิงทำคลอดมาถามว่า “ทำไมท่านจึงปล่อยให้เด็กชายรอดชีวิตอยู่เช่นนี้” นางทูลกษัตริย์ฟาโรห์ว่า “หญิงชาวฮีบรูไม่เหมือนกับหญิงชาวอียิปต์ หญิงชาวฮีบรูแข็งแรงจึงคลอดบุตรก่อนที่หญิงทำคลอดจะไปถึง” พระเจ้าโปรดหญิงทำคลอด ประชาชนอิสราเอลก็ทวีจำนวนและมีกำลังมากขึ้น เนื่องจากหญิงทำคลอดทั้งสองคนยำเกรงพระเจ้า พระองค์จึงทรงบันดาลให้นางมีลูกหลานมากมาย กษัตริย์ฟาโรห์รับสั่งแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “จงโยนเด็กชายชาวฮีบรูทุกคนที่เกิดใหม่ลงในแม่น้ำไนล์ แต่ปล่อยให้เด็กหญิงทุกคนรอดชีวิต”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 10:34-11:1
      เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาอัครสาวกว่า “อย่าคิดว่าเรามาเพื่อนำสันติภาพมาให้โลก เรามิได้มาเพื่อนำสันติภาพ แต่มาเพื่อนำดาบมาให้ เรามาเพื่อแยกบุตรชายจากบิดา แยกบุตรหญิงจากมารดา แยกบุตรสะใภ้จากมารดาของสามี ศัตรูของคนก็คือคนที่อยู่ร่วมบ้านกับเขานั่นเอง”
“ผู้ที่รักบิดามารดามากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ที่รักบุตรชายหญิงมากกว่ารักเรา ก็ไม่คู่ควรกับเรา ผู้ใดไม่รับเอาไม้กางเขนของตนแบกตามเรา ผู้นั้นก็ไม่คู่ควรกับเรา”
“ผู้ที่หวงชีวิตของตนไว้ ก็จะสูญเสียชีวิตนั้น แต่ผู้ที่ยอมเสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา จะพบชีวิตนั้นอีก”
“ผู้ที่ต้อนรับท่านทั้งหลาย ก็ต้อนรับเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา ก็ต้อนรับพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา”
“ผู้ที่ต้อนรับประกาศก เพราะเป็นประกาศก จะได้รับบำเหน็จรางวัลของประกาศก ผู้ที่ต้อนรับผู้ชอบธรรม เพราะเขาเป็นผู้ชอบธรรม จะได้รับบำเหน็จรางวัลของผู้ชอบธรรม”
“ผู้ใดที่ให้น้ำเย็นแม้เพียงหนึ่งแก้วแก่คนใดคนหนึ่งในบรรดาคนธรรมดาๆ เหล่านี้ เพราะเขาเป็นศิษย์ของเรา เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้นั้นจะได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างแน่นอน”
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสสั่งสอนศิษย์สิบสองคนแล้ว ก็เสด็จจากที่นั่นไปเทศนาสั่งสอนตามเมืองต่างๆ ในแคว้นกาลิลี

 

ข้อคิด

      ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไปเช่นยุคปัจจุบัน การอพยพย้ายถิ่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินแห้งแล้ว เพาะปลุกมีปัญหาขาดแคลนน้ำ ผลผลิตไม่ได้ตามคาดหวัง จำเป็นต้องเสาะหาอาหารและที่ทำกินเพื่อให้ชีวิตอยู่รอด แต่การอพยพแบบไม่เต็มใจ เช่น เกิดภาวะสงคราม สู้รบจนทำมาหากินไม่ได้เนื่องจากมีการฆ่าทำร้ายชีวิต บทอ่านแรกเป็นการบันทึกเรื่องราวการอพยพของชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์เพราะการเบียดเบียนและความเกลียดชัง พระเยซูเจ้าย้ำในพระวรสารในการอพยพเชิงจิตวิญญาณเพราะมีการเบียดเบียนมิให้นับถือศาสนาตามธรรมบัญญัติ ขอให้ทุกคนที่ทำดีมีความอดทน ขอให้ผู้ทำชั่วละเว้นไว้เพื่อให้ชีวิตที่พระองค์มอบให้ไว้พิสูจน์ความจริงด้วยความดีและซื่อสัตย์จนถึงที่สุดด้วย