Logo

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2019 น.ชาร์เบล มาคลุฟ พระสงฆ์

หมวด: เดือนกรกฎาคม 2019
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
ฮิต: 426

บทอ่านจากหนังสืออพยพ                                              อพย 16:1-5,9-15
     ในครั้งนั้น ชุมชนชาวอิสราเอลออกเดินทางจากเอลิมและมาถึงถิ่นทุรกันดารศิน ซึ่งอยู่ระหว่างเอลิมกับซีนาย ในวันที่สิบห้าเดือนที่สองหลังจากที่ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ชุมชนชาวอิสราเอลต่างต่อว่าโมเสสและอาโรนในถิ่นทุรกันดาร ชาวอิสราเอลพูดกับเขาทั้งสองคนว่า “พระหัตถ์องค์พระผู้เป็นเจ้าประหารชีวิตพวกเราในแผ่นดินอียิปต์เมื่อนั่งอยู่รอบหม้อเนื้อและกินอิ่มยังดีกว่าที่ท่านพาพวกเราออกมาในถิ่นทุรกันดารนี้ เพื่อให้พวกเราทุกคนอดตาย”
     องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “ดูซิ เราจะบันดาลให้มีอาหารตกลงมาจากฟ้าเหมือนฝนให้ท่านทั้งหลายกิน ทุกวันประชากรต้องออกไปเก็บอาหารให้พอกินในวันนั้น เราจะได้ทดลองดูว่าเขาปฏิบัติตามบัญญัติของเราหรือไม่ ในวันที่หก ให้เขาเก็บอาหารเป็นสองเท่าของวันธรรมดา”
     โมเสสสั่งอาโรนว่า จงบอกชุมชนชาวอิสราเอลว่า “จงเข้ามาใกล้เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินคำต่อว่าของท่านแล้ว” ขณะที่อาโรนกำลังพูดกับชุมชนชาวอิสราเอลนั้น เขาทั้งหลายหันหน้าไปดูทางถิ่นทุรกันดาร ทันใดนั้นพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ปรากฏให้เห็นบนก้อนเมฆ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราได้ยินคำต่อว่าของชาวอิสราเอลแล้ว จงบอกเขาดังนี้ว่า เวลาพลบค่ำ ท่านทั้งหลายจะมีเนื้อกิน และเวลาเช้า ท่านจะมีอาหารกินจนอิ่ม แล้วท่านทั้งหลายจะรู้ว่าเราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน” เย็นวันนั้น ฝูงนกคุ่มบินมาจนเต็มค่าย ในเวลาเช้า มีน้ำค้างแผ่กระจายอยู่ทั่วไปรอบค่ายพัก เมื่อน้ำค้างระเหยแล้ว ก็เห็นมีเกล็ดเป็นเม็ดเล็กๆ บนผิวดินในถิ่นทุรกันดาร เหมือนน้ำค้างที่จับแข็ง เมื่อชาวอิสราเอลเห็น จึงถามกันว่า “นี่เป็นอะไร” เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นสิ่งใด โมเสสจึงบอกเขาว่า “นี่แหละอาหารที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ท่านกิน”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                 มธ 13:1-9
      วันเดียวกันนั้น พระเยซูเจ้าเสด็จออกจากบ้านมาประทับที่ริมทะเลสาบ ประชาชนจำนวนมากมาเฝ้าพระองค์ พระองค์จึงเสด็จไปประทับอยู่ในเรือ ส่วนประชาชนยืนอยู่บนฝั่ง พระองค์ตรัสสอนเขาหลายเรื่องเป็นอุปมา
พระองค์ตรัสว่า “จงฟังเถิด ชายคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช ขณะที่เขากำลังหว่านอยู่นั้น บางเมล็ดตกอยู่ริมทางเดิน นกก็จิกกินจนหมด บางเมล็ดตกบนพื้นหินที่มีดินเล็กน้อย ก็งอกขึ้นทันทีเพราะดินไม่ลึก แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ก็ถูกแดดเผาและเหี่ยวแห้งไปเพราะไม่มีราก บางเมล็ดตกในพงหนาม ต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ ทำให้เหี่ยวเฉาตายไป บางเมล็ดตกในที่ดินดี จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง ใครมีหู ก็จงฟังเถิด”

 

ข้อคิด

     คำอุปมา คือการนำเอาสิ่งที่คุ้นเคยมาอธิบายสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ช่วยให้เข้าใจความหมายได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เข้าใจความจริงที่ซ่อนอยู่ในคำสอนของพระเยซูเจ้า โดยเฉพาะเรื่องพระอาณาจักรของพระเจ้า พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าได้ให้อาหารฝ่ายวิญญาณแก่ผู้ฟังที่หิวกระหายพระวาจาของพระองค์ พระองค์ทรงหว่านด้วยมงกุฎหนาม ด้วยกางเขน ด้วยพระมหาทรมานของพระองค์ ดังนั้น จึงมีคนฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง ปฏิบัติตามบ้าง ลืมบ้าง แล้วท่านผู้อ่านข้อคิดฟังพระเยซูเจ้าไหม?