ภาพ / ข่าว : นิพัฒน์ สิริพรรณยศ อาสาสมัครช่วยงานแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

ประมวลภาพฉลองพระรูปพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเยริโค (พระโต)

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2013 วัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ สามเสน ให้จัดให้มีการเทิดเกียรติฉลองพระรูปพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเยริโค (พระโต) ประจำปี 2013
 
เวลา 19.00 น. พิธีมิสซาขอบพระคุณ โอกาสฉลองพระรูปพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเยริโค (พระโต) โดย คุณพ่อ เอ็มมานูแอล สหพล ตั้งถาวร พร้อมด้วย คุณพ่อ ยอแซฟ สุวนารถ กวยมงคล และสังฆานุกร ยออากิม ธนายุทธ ผลาผล

คุณพ่อ สหพล ได้เทศน์แบ่งปันว่า

“พี่น้อง แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นมันสุดความคาดเดาของพวกเราได้และบ่อยๆครั้งมันมักจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราอยากจะให้เป็น พ่ออยากให้เราได้คิดว่า คือทุกสิ่งที่พระจัดให้เกิดขึ้นกับเราที่สุดแล้วมันย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ ช่วงปีใหม่ช่วงตรุษจีนทุกคนก็อยากจะได้พรพิเศษ บางคนอยากจะได้พรจากรพะสงฆ์ ให้พ่อมาอวยพรให้พบแต่ชีวิตที่ดีๆ พ่อก็เข้าใจ ทุกคนก็อยากได้ให้ชีวิตของเรามีความสุขทั้งนั้นแหละ คงไม่มีใครอยากจะพบกับปัญหาในชีวิต ไม่มีใครอยากจะพบกับอุปสรรคในชีวิต สิ่งที่เราทำได้ก็คือ ให้เราสวดวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า แต่ถ้าสมมุติว่า มันเกิดไม่เป็นไปตามความตั้งใจหล่ะ ปีที่แล้วว่าแย่แล้ว ปีนี้แย่เข้าไปใหญ่
 

เราจะคิดอย่างไรดี มีผู้หญิงคนหนึ่งเคยร้องห่มร้องไห้ในห้องแก้บาป ว่า ตั้งแต่เธอล้างบาปมานี่ก็ หลังจากการที่มานับถือศาสนาคริสต์ค่อนข้างที่จะมีความทุกข์มากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย ทำอะไรก็ดูจะล้มเหลวไปหมด บางทีสวดขออะไรให้พระเยซูเจ้าช่วย แต่ก็ดูเหมือนว่ามันไม่ได้อย่างที่ขอสักเท่าไรก็ผิดหวังไปแทบซะทุกเรื่อง ตัวเธอก็ค่อนข้างหมดกำลังใจและตอนนี้ ญาติพี่น้องก็มาค่อนแคะเธอมาชวนเธอให้กลับใจกลับไปนับถือศาสนาเดิม เดี๋ยวพาเธอไปเสริมดวงทำบุญไหว้พระ รับรองดวงชะตาจะกลับมาสดใสขึ้นแน่ แล้วเธอก็ระบายว่า เธอไม่มีความสุข พ่อ หนูจะทำอย่างไรดี

พี่น้อง คงไม่ง่ายนักสำหรับพ่อจะใช้เวลาสั้นๆในที่ฟังแก้บาปตรงนั้นหาคำตอบสำเร็จรูปให้กับคนๆหนึ่งที่เขามีความทุกข์มากให้เขามีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีได้ พ่อทำเท่าที่พ่อทำได้ พ่อพูดที่เท่าพ่อจะพูดได้ ที่เหลือพ่อก็ขอพระเป็นเจ้าช่วยเขา แต่พ่อคิดเล่นๆว่า
ถ้าเป็นนักบุญยอห์นแห่งไม้กางเขนมาอยู่ที่ห้องฟังแก้บาปตรงนั้นแทนที่พ่อ ท่านจะพูดว่าอย่างไร ท่านก็คงจะให้คำตอบไปแล้วว่า มีความทุกข์มากนะหรอ ไม่ต้องไปไหว้พระอะไรที่ไหนนะ จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะให้ได้รู้ไว้เลยว่ากำลังได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่อยู่ นี่น่าจะมาจากคำพูดที่เขียนไว้ในหนังสือ รวมทั้งนักบุญเทเรซาก็เคยเขียนไว้ในหนังสือเหมือนกันว่า ท่านเคยพูดถึงองค์พระเยซูเจ้าพูดกับท่านว่า ให้มองดูชีวิตของพระองค์ จะไม่พบอะไรเลยนอกจากความเจ็บปวดและความขมขื่นที่ได้รับจากมนุษย์ และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับพระบุตรสุดที่รักของพระองค์อย่างไร พระองค์ก็ทรงกระทำเช่นเดียวกันกับคนที่พระองค์ทรงรักอย่างนั้นด้วย

ดังนั้น ให้แน่ใจได้เลยว่า ผู้ที่พระบิดารักมาก พระองค์ก็อาจจะส่งความทุกข์มาให้กับคนผู้นั้นมากด้วย เพราะความทุกข์นี้เป็นเครื่องวัดความรักที่มีต่อพระองค์  การทดลองใจที่เราได้รับทุกวันนี้เหมือนกับเป็นสมบัติอันล้ำค่าในสวรรค์ที่เราได้มาอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้น ถ้าเรารักองค์พระเยซูเจ้าจริง ต้องไม่กลัวความทุกข์ ต้องไม่กลัว คิดอย่ในใจ เราอยู่ทนทุกข์บนโลกนี้ไม่นานหรอก และรางวัลที่พระองค์เตรียมไว้ให้บนสวรรค์นั้นมันยิ่งใหญ่นัก

พี่น้องหลายคนที่มีโอกาสมาสวด
ขอพระโตอยู่เป็นประจำก็แน่นอนก็คงมาสวดขอให้ชีวิตนั้นพบกับเรื่องที่มันดีๆ สวดขอความสำเร็จ สวดขอความหวังสวดขอให้อัศจรรย์ในเรื่องต่างๆ พ่อก็เชื่อถ้าเรื่องที่ขอนั้นมันไม่ได้เห็นแก่ตัวของเราเกินไป องค์พระเยซูเจ้าประทานให้กับเราสักวันหนึ่งแน่นอน อัศจรรย์มันเกิดขึ้นได้เสมอสำหรับคนที่มีดวงตาที่พร้อมจะมองเห็นและมีจิตใจที่ไม่เคยหมดหวังในพระองค์ พ่อมั่นใจแบบนั้น แต่พ่ออยากให้เราจำไว้ด้วยว่า สักวันหนึ่ง พระเยซูเจ้าก็อาจจะขอให้เราต้องอดทนกับสิ่งที่เราไม่อยากจะเจอก็เป็นได้ และถ้ามันเกิดขึ้นจริง อย่าเสียขวัญ อย่าท้อใจ ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรามันไม่ได้ความหมายว่า องค์พระผู้เป็นเจ้านั้นอาจจะพลั้งเผลอหรือพระองค์ควบคุมไม่ได้ แต่ปัญหาเหล่านี้มันอาจจะเป็นโอกาสพิเศษที่จะทำให้เราได้คนพบอะไรต่อมิอะไรที่ดี ผ่านทางการสูญเสียของเราสักอย่างก็เป็นได้ แต่เราไม่รู้ พูดได้ว่า แม้ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเรา พ่อก็คิดว่า มันอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่พระเป็นเจ้าจะนำสิ่งที่ดีๆ นำสิ่งที่ใหม่ๆ และสิ่งที่ดีกว่าเข้ามาในชีวิตของเราก็เป็นได้ และเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายตาบอดที่พระเยซูทรงรักษาเขาในพระวรสารวันนี้ ความทุกข์ทรมานที่เขามองอะไรไม่เห็นมาชั่วชีวิต มันเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดีทันทีที่เขารู้ว่าพระเป็นเจ้าเอ็นดูเขา พระเป็นเจ้ารักษาเขา หรือแม้แต่ตอนที่พวกสาวกก็ไปกันตามลำพัง แล้วก็ไปเจอพายุ ก็เป็นพายุลูกนั้นแหละ ที่ทำให้พวกเขาได้บทเรียนที่มีค่าในความเชื่อมั่นในการช่วยเหลือขององค์พระเยซูเจ้า ถ้าไม่มีพายุลูกนั้น บางทีอาจจะไม่มีความเชื่อมั่นขนาดนี้

พี่น้อง พ่ออยากจะให้สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่ดีกับพวกเรา ไม่ว่า ความทุกข์ ความผิดหวัง ไม่ว่าจะมีความทุกข์เกิดขึ้นกับชีวิตของเราอีกกี่ครั้งก็ตาม มั่นใจว่าพระเป็นเจ้านั้นเฝ้ามองเราอยู่และยิ่งเรามีความเชื่อมั่นในพระองค์ เราก็ยิ่งมีโอกาสมากที่จะได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่พระองค์เตรียมไว้ให้สำหรับเราด้วย และพ่อก็อยากจะขอพรพระผู้เป็นเจ้าสำหรับทุกคนในวันนี้ให้มีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ว่าจะต้องประสบพบกับพายุอีกกี่ลูกในชีวิตก็ตาม จำไว้ว่า คนที่รักพระ เพรราะชีวิตเขาพบแต่เรื่องที่ดีๆเทียบไม่ได้เลยกับคนที่รักพระเพราะชีวิตนั้นพบแต่ความยากลำบาก ดังนั้น ไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นพี่น้อง วันนี้ ค่ำคืนนี้ บอกกับองค์พระเยซูเจ้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะรักพระองค์เสมอ ”

หลังจากบทภาวนาหลังรับศีล คุณพ่อ สหพล ได้อวยพร จากนั้น ตัวแทนสภาภิบาลได้กล่าวขอบคุณประธานในพิธี และคุณพ่อกล่าวตอบ

ต่อมา เป็นการเทิดเกียรติพระรูปพระเยซูเจ้าทรงรักษาคนตาบอดที่เมืองเยริโค (พระโต) โดยเริ่มจากโยนกำยาน แห่รอบวัด โยนกำยานอีกครั้ง และสวดภาวนา ถวายช่อดอกไม้

บรรยากาศในวันนี้ มีพี่น้องคริสตชนและพี่น้องต่างความเชื่อมาร่วมเทิดเกียรติพระรูปเป็นจำนวนมาก และสถานที่ทำมิสซาได้จัดในบริเวณพระรูปพระโตซึ่งมีการตกแต่งไฟยามค่ำคืนอย่างสวยงาม