ประมวลภาพพิธีมิสซาปลงศพคุณพ่อยัง มารี ดังโตแนล

ประมวลภาพคุณพ่อยัง มารีดังโตแนล

พระอัครสังฆราชเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิชเทศน์ dsl

เคลื่อนศพคุณพ่อยังมารี ดังโตแนล ไปยังสุสานวัดนักบุญเปโตร dsl

คุณพ่อโยเซฟ เตรบาออล กล่าวขอบคุณผู้มาร่วมพิธี dsl

พิธีปลงศพคุณพ่อยัง มารี ดังโตแนลก่อนเข้าพิธีมิสซา dsl

..........................................................................โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ.......................................................................

คำไว้อาลัยของพระอัครสังฆราชเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช

คำไว้อาลัยของคุณพ่ออดิศักดิ์ พรงาม

คำไว้อาลัยของภราดาศิริชัย ฟอนซีกา

คำไว้อาลัยของคุณพ่อโยเซฟ เตรบาออล

คำไว้อาลัยของคุณพ่อวิทยา คู่วิรัตน์

คำไว้อาลัยของคุณพ่อดำ

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25มีนาคม 2010 เวลา 10.00น. พระอัครสังฆราชฟรังซิส เซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช   พระอัครสังฆราชอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เป็นประธานในพิธีมิสซาปลงศพ คุณพ่อยัง มารี ดังโตแนล   พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประ เทศแห่งกรุงปารีส (MEP) พร้อมด้วยพระอัครสังฆราชจำเนียร สันติสุขนิรันดร์   พระสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์     พระสังฆราชซีลวีโอสิริพงษ์ จรัสศรี

พระสังฆราชลอเรนซ์เทียนชัย สมานจิต พระสังฆราชOlivier Schmitthaeusler    (พระสังฆราชใหม่กัมพูชา)  คุณพ่ออาดรีอาโน เปโลซิน อธิการเจ้าคณะธรรมทูตไทย พระสังฆราชสังวาลย์ ศุระศรางค์ คุณพ่อโยเซฟ เตรบาออล อธิการเจ้าคณะมิสซังต่างประเทศพร้อมด้วยพระสงฆ์จำนวนกว่า 150 องค์ และบรรดาสัตบุรุษมาร่วมไว้อาลัยแด่คุณพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ณ วัดนักบุญ เปโตร สามพราน หลังจากนั้นเคลื่อนศพคุณพ่อไปยังสุสานวัดนักบุญเปโตร

คุณพ่อ ยัง มารี ดังโตแนล

เกิดวันที่ 16 มีนาคม 1936 ที่นานซี ประเทศฝรั่งเศส

การเรียน   ที่บ้านเณรเล็กสังฆมณฑลนานซี
                 ที่บ้านเณรใหญ่คณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส

บวช          เป็นประสงฆ์วันที่ 24 ธันวาคม 1961

ศึกษาต่อปริญญาตรีปรัชญาที่กรุงโรม
               1964-1971เป็นอาจารย์ที่บ้านเณรปีนัง (College General)
               1972-1978เข้ามาเมืองไทย เรียนภาษาไทย
                                   และเป็นอาจารย์ที่สามเณราลัยแสงธรรม สามพราน
               1978-1980เป็นผู้จัดการแผนกส่งเสริมกระแสเรียกของคณะมิสซังต่าง                                    ประเทศแห่งกรุงปารีส
               1980-1986เป็นที่ปรึกษาของอธิการเจ้าคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุง                                    ปารีส
               1987-1990เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต
                                   และเป็นอาจารย์ที่สามเณราลัยแสงธรรม
               1990-2007เป็นอาจารย์ที่สามเณราลัยแสงธรรม
                                   และจิตตาธิการสามเณร

ในช่วงเดียวกัน เป็นอธิการคณะธรรมทูตไทย ตั้งแต่ปี 1996 จนถึง 2007
2007เป็นอธิการเจ้าคณะแขวงมิสซังต่างประเทศฯ ประจำอยู่ที่ศูนย์คณะถนนสีลม

ยังสอนบ้างที่วิทยาลัยแสงธรรม

ในเวลาเดียวกัน เป็นผู้อภิบาลคริสตชนชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ
2009ไม่สบาย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์หลายเดือน

ประวัติย่อของคุณพ่อ ยัง มารี ดังโตแนล    JEAN MARIE  DANTONEL
(คัดจากหนังสืออุดมศานต์ เดือนตุลาคม 2000)

ชีวิตวัยเด็ก

คุณพ่อ ยัง มารี ดังโตแนล เกิดวันที่ 16 มีนาคม 1936 บ้านเกิดอยู่ที่เมืองนานซี (NANCY) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ใกล้กับตัวเมืองหลวง ครอบครัวฐานะปานกลาง บิดาเป็นช่างไม้ มารดาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูก 4 คน มีพี่ชาย 2 คน พี่สาว 1 คน คุณพ่อเป็นคนสุดท้อง พี่ชายคนโตของคุณพ่อเป็นพระสงฆ์ประจำสังฆมณฑลฝรั่งเศส คนที่ 2 แต่งงานมีลูก 3 คน ส่วนพี่สาวนั้นไม่ได้แต่งงาน เป็นครูสอนพิเศษให้กับเด็กที่ถูกทอดทิ้งในสลัมที่กรุงปารีส พี่สาวทำงานอยู่ที่เมืองนานซี มาช่วยงานวัด ช่วยสอนคำสอน ช่วยหลายสิ่งหลายอย่างที่วัด ทุกวันนี้พี่สาวยังช่วยงานของพระศาสนจักรอยู่

เดิมที คุณพ่อได้สมัครใจเข้าบ้านเณรเล็กของสังฆมณฑล แต่ด้วยความที่มีจิตตารมณ์ของการเป็นธรรมทูต และคุณพ่อเองก็มีความปรารถนาเป็นพิเศษที่จะทำงานแพร่ธรรมและประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า คุณพ่อคิดเสมอว่า “ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จักพระวรสาร ไม่รู้จักพระเจ้า และไม่รู้จักพระคริสตเจ้า” คุณพ่อจึงได้บวชเป็นพระสงฆ์ของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP) ในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 1961 ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่คุณพ่อจะได้ระลึกถึงการบวชเป็นพระสงฆ์ ก่อนที่จะสมโภชการบังเกิดของพระกุมารเยซู

หลังจากที่ได้บวชแล้ว คุณพ่อได้ศึกษาต่อวิชาปรัชญาที่มหาวิทยาลัยเกรโกเรียน กรุงโรม เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งถือเป็นโอกาสดีมากสำหรับคุณพ่อ เพราะช่วงเวลานั้น  พอดีกับมีการเปิดสังคายนาวาติกันที่ 2 ทำให้คุณพ่อได้พบปะกับบรรดาพระสังฆราช และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดย เฉพาะในเรื่องของสังคายนาวาติกันที่ 2 เมื่อจบการศึกษาที่กรุงโรม คุณพ่อก็ได้รับมอบหมายหน้าที่อันสำคัญยิ่งทันที นั่นคือ คุณพ่อ ได้รับมอบหมายให้ไปเป็นอาจารย์ที่บ้านเณรปีนัง ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ปี 1965-1971 และที่นั้นเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณพ่อได้รู้จักกับประเทศไทย เพราะ เวลานั้นมีสามเณรไทยหลายคนมาเรียนที่บ้านเณรปีนังได้แก่คุณพ่อบัญชา ศรีประมงค์, คุณพ่อ สมศักดิ์ ธิราศักดิ์, คุณพ่อ สนัด วิจิตรวงศ์ จนถึงรุ่นคุณพ่อ พิบูลย์ วิสิฐนนทชัย, คุณพ่อชวลิต กิจเจริญ และได้รู้จักกับคุณพ่อทัศไนย์ คมกฤส, คุณพ่อเมธี วรรณชัยวงศ์, คุณพ่อ บรรจง อารีพรรค    นี่คือช่วงที่คุณพ่อมีโอกาสได้ติดต่อสัมพันธ์และสร้างความคุ้นเคยกับคนไทย จนกระทั่งประมาณปี 1969 คุณพ่อได้ตัดสินใจว่าปิดเทอมใหญ่คราวนี้ คุณพ่อจะไปดูเมืองไทย สัมผัสคนไทยให้มากขึ้น

คุณพ่อเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรก โดยมีสามเณรไทย 2 คน คือ สามเณร ประจวบ ตรีนิกร และสามเณร ประเวทย์      สามเณรทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนและผู้นำทาง เพราะในขณะนั้นคุณพ่อยังพูดภาษาไทยไม่ได้เลย คุณพ่อใช้เวลาหนึ่งเดือนอย่างคุ้มค่าด้วยการเดินทางไปดูในที่ต่าง ๆ ทั่วทั้ง 4 สังฆมณฑล (เวลานั้นมี 4 สังฆมณฑล) และ เมื่อกลับมาที่ปีนัง คุณพ่อก็ไม่ได้มีความ คิดที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีก   แต่พยาน เอื้ออาทรและน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นอยู่เหนือทุกสิ่ง เมื่อสภาพระสังฆราชคาทอลิก  แห่งประเทศไทยมีนโยบายจะเปิดบ้านเณรใหญ่แสงธรรมโดยให้คุณพ่อ บรรจง    อารีพรรค ซึ่งเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่บ้านเณรปีนัง   มาเป็นอธิการคนแรกของบ้านเณรใหญ่ แสงธรรม คุณพ่อบรรจงจึงได้เชิญให้คุณพ่อดังโตแนล มาเป็นอาจารย์ที่แสงธรรม พอดีกับที่วีซ่าของคุณพ่อดังโตแนลหมดอายุ คุณพ่อจึงตัดสินใจรับคำเชิญของคุณพ่อบรรจง เดินทางมาช่วยงานพระศาสนจักรในประเทศไทย

คุณพ่อเข้ามาประเทศไทยในเดือนสิงหาคม ปี 1972 คุณพ่อใช้เวลาเรียนภาษา ไทย 1 ปี ในตอนนั้นบ้านเณรแสงธรรมยังสร้างไม่เสร็จจึงต้องใช้สถานที่ของคณะซาเล เซียนที่หัวหินแทนชั่วคราวเป็นเวลา 6 เดือน เมื่อสร้างเสร็จแล้ว    ก็ย้ายกลับมาที่สามพราน ปี 1973 คุณพ่อได้สอนวิชาปรัชญาที่วิทยาลัยแสงธรรม และช่วยงานที่วัดนักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต ที่หมู่บ้านเศรษฐกิจ กรุงเทพฯ ไปช่วยทำมิสซาวันอาทิตย์บ้าง ช่วยสอนคำสอนบ้าง ทำอย่างนี้อยู่เป็นเวลา 3 ปี

ในปี 1977 คุณพ่อถูกเรียกตัวกลับไปที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปรับตำแหน่งดูแลรับผิดชอบงานด้านกระแสเรียกของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส 2 ปี และเป็นผู้ช่วยอธิการใหญ่ 6 ปี

เมื่อหมดวาระที่ประเทศฝรั่งเศสแล้ว คุณพ่อได้เขียนจดหมายขึ้น 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งถึงพระคาร์ดินัล ไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู  อีกฉบับเขียนถึงอธิการใหญ่ ขออนุญาตกลับมาที่เมืองไทย ประมาณ 3-4 เดือน คุณพ่อ จำเนียร กิจเจริญ อุปสังฆราช     ได้ส่งจดหมายตอบกลับมาว่าทางสังฆมณฑลกรุงเทพฯเต็มใจอย่างยิ่ง และให้คุณพ่อขอวีซ่าเข้าเมืองไทยในฐานะอาจารย์  โดยให้คุณพ่อทำหน้าที่ เป็นเจ้าอาวาสวัดนักบุญ หลุยส์ มารี เดอ มงฟอร์ต และก็ไปสอนที่บ้านเณรแสงธรรม คุณพ่อทำการอภิบาลสัตบุรุษที่วัด และสอนเรียนที่แสงธรรมได้ 4 ปี สภาพระสังฆราชฯจึงขอให้คุณพ่อไปประจำอยู่ที่บ้านเณรใหญ่แสงธรรม เป็นอาจารย์ประจำ เข้ารับหน้าที่ในปี 1991 นอกจากคุณพ่อจะสอนเรียนที่แสงธรรมแล้ว คุณพ่อยังได้รับมอบหมายหน้าที่พิเศษ คือ เป็นผู้ให้คำแนะนำปรึกษาทางด้านชีวิตฝ่ายจิตแก่สามเณร และความก้าวหน้าในความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้า หรือที่เราเรียกว่า “คุณพ่อวิญญาณรักษ์”

การกลับมาประเทศไทยของคุณพ่อในครั้งนี้    จุดประกายความคิดของคุณพ่อ รวมทั้งชีวิตธรรมทูตของท่าน ทำให้ท่านมองไปถึงสนามงานที่ยังต้อง การพระสงฆ์ ที่ที่ยังต้องการผู้บุกเบิก สร้างเสริมความเชื่อความศรัทธา ดัง เช่นผืนนาที่ยังไร้คนเก็บ   เกี่ยว โดยเฉพาะพวกพี่น้องชาติพันธุ์ที่อยู่ตามเขาตามดอย คุณพ่อจึงได้ปรึกษากับคุณพ่อ ยวง จักแมง ถึงการสร้างคณะธรรมทูตในประเทศไทย  และเรียกร้องให้พระสงฆ์ทางภาคกลาง ซึ่งก็มีอยู่พอสมควร ตระหนักถึงความสำคัญ   และสมัครใจไปทำงานกับพวกชาติพันธุ์ที่ภาคเหนือ คุณพ่อจึงได้เขียนจดหมายถึงสภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ทางสภาพระสังฆราชฯก็เห็นชอบในข้อเสนอ และให้ตั้งคณะธรรมทูตแห่งประเทศไทยขึ้น โดยมีพระสังฆราช บรรจง อารีพรรค เป็นผู้รับผิดชอบ พระคุณเจ้าบรรจงจึงได้เรียกผู้ที่สนใจ ซึ่งเวลานั้นก็มี คุณพ่อ อาเดรียโน (คณะปีเม),   คุณพ่อ เกรียงศักดิ์ โกวิทย์วาณิช และคุณพ่ออีกประมาณ 2–3 คน มาประชุมกัน

ได้ข้อสรุปว่า  น่าจะเริ่มต้นที่บ้านเณรแสงธรรมโดยมีคุณพ่อดังโตแนลเป็นผู้ดู แล คุณพ่อเริ่มต้นการหาสมาชิกธรรมทูตแห่งประเทศไทย ด้วยการประกาศให้บรรดาสามเณร ได้ทราบถึงแนวทางและนโยบายของสภาพระสังฆราชฯในเรื่องนี้   และเชิญสามเณรที่สนใจเข้าร่วมประชุมกันหลังอาหารเย็น  มีสามเณรหลายคนให้ความสนใจมาร่วมประชุม และที่สุด ก็มีผู้สนใจเข้าสมัครเข้าคณะเป็นกลุ่มแรก คือ   บราเดอร์ อนุรักษ์ ประจงกิจ (อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ) และ บราเดอร์ รังสรรค์ ภานุรักษ์ (สังฆมณฑลอุดรธานี) คุณพ่อสอนเรียนและเป็นคุณพ่อวิญญาณรักษ์อยู่ที่แสงธรรมถึง 15 ปี จนกระทั่งน้ำพระทัยของพระเจ้าได้มอบหมายภารกิจชิ้นใหม่ให้กับคุณพ่อ ในเดือนธันวาคม 2006 ทางคณะมีความเห็น และประกาศให้คุณพ่อรับหน้าที่เป็นเจ้าคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส (MEP)    คุณพ่อเข้ารับตำแหน่งอธิการเจ้าคณะธรรมทูตแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2007 ประจำอยู่ที่ศูนย์กลางคณะถนนสีลม  และยังสอนอยู่ที่วิทยาลัยแสงธรรม

คุณพ่อดังโตแนลยังทำหน้าที่อภิบาลคริสตชนชาวฝรั่งเศส     ที่อาศัยอยู่ในกรุง  เทพฯด้วย อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งของคุณพ่อปรากฏชัดขึ้นในปี 2009    คุณพ่อพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์หลายเดือน   คุณพ่อดังโตแนลมรณภาพอย่างสงบที่ โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ กลาง ดึกของคืนวันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2010 เวลา 22.20 น.

คุณพ่อดังโตแนลใช้ชีวิตสงฆ์เกือบทั้งชีวิตเพื่อประกาศข่าวดีของพระ คริสตเจ้า พระสงฆ์เกือบทุกองค์ที่จบจากวิทยาลัยแสงธรรมเป็นลูกศิษย์ของท่านคุณพ่อเป็นผู้เริ่มต้นคณะธรรมทูตไทย เพื่อสืบสานจิตตารมณ์แห่งการเป็นธรรมทูตของบรรดาพระสงฆ์พื้นเมือง คุณพ่อเป็นกำลังสำคัญของการจัดฉลองครบรอบ 350 ปีคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส คณะสงฆ์ซึ่งมีพระคุณอย่างใหญ่หลวงต่อพระศาสนจักรในประ  เทศไทย

ขอขอบคุณคุณพ่อดังโตแนล   สำหรับชีวิตสงฆ์อันมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อพวกเราทุกคน