หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ประมวลภาพฉลองวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์

   มารีอา วรรณปัทม์ สิริสาธิต ผู้อำนวยการสภาอภิบาลกล่าวรายงาน     56 k | dsl

 พระคุณเจ้ากล่าวปราศรัย     56 k | dsl

  บรรยากาศ ขบวนแห่รูปนักบุญยอแซฟ   56 k | dsl

  สัมภาษณ์นักเรียนที่ได้รับศีลกำลัง     56 k | dsl

  สัมภาษณ์ดาราคาทอลิก น้องแพทริก ได้รับศีลกำลัง   56 k | dsl

 

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 เวลา 10.00 น. พระึคาร์ดินัลไมเกิ้ล มีชัย กิจบุญชู เป็นประธานในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ณ วัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ องค์อุปถัมภ์ของกรรมการ รวมทั้งได้มีพิธีโปรดศีลกำลัง กับนักเรียนในเขต 1 จาก 5 วัด  จำนวน 77 คน และวันนี้เอง ซึ่งเป็นวันแรงงานแห่งชาติ พระศาสนจักรได้แต่งตั้งให้นักบุญยอแซฟ เป็นองค์อุปถัมภ์ของผู้ใช้แรงงานอีกด้วย

สำหรับบรรยากาศของวันนี้ มีคริสตชนจากวัดต่าง ๆ เดินทางหลั่งไหลมาร่วมกันเป็นจำนวนมาก  เป็นต้น วันนี้มีลูกหลานของพี่น้องในเขต 1 ได้รับศีลกำลัง จากวัดนักบุญยอแซฟ 12 คน วัดเซนต์หลุยส์ จำนวน 18 คน วัดอัครเทวดาราฟาแอล จำนวน 31 คน วัดพระกุมารเยซู จำนวน 10 คน และวัดราชินีแห่งสันติสุข ซอย 101 จำนวน 6 คน รวม 77 คน ซึ่งวันนี้นักเรียนเหล่านี้จะได้รับการเจิมด้วยน้ำมัน ซึ่งจะได้ชื่อว่า “ทหารขององค์พระจิตเจ้า” มีำกำลังต่อสู้กับอำนาจของจิตชั่วร้ายต่าง ๆ ตามพระคุณของพระจิตทั้ง 7 ประการ คือ พระดำริ สติปัญญา ความคิดอ่าน ความรู้  พละกำลัง ความศรัทธา ความยำเกรงพระเจ้า

มีพระสมณสาสน์เรื่องพระจิตเจ้า ที่องค์สมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเขียนไว้เมื่อวันที่   (18 พฤษภาคม 1986) ว่า

"พระจิตเจ้าทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นของประทาน หรือทรงเป็นพระบุคคลในฐานะที่เป็นความรัก"

ดังนั้นเราเข้าใจว่า ถ้าพระองค์เป็นความรักหมายถึงการให้ การอุทิศตนรับใช้ผู้อื่น และเราทราบว่าพระจิตเจ้าทรงเป็นแบบฉบับที่ดีที่สุดของผู้ให้ พระองค์ประทานพระคุณ 7 ประการแก่มนุษย์ คือ พระดำริ สติปัญญา ความคิดอ่าน พละกำลัง ความรู้ ความศรัทธา และความยำเกรงพระเจ้า และพระจิตเจ้าก็ได้ประทานพระคุณเหล่านี้ให้แก่พระเยซูเจ้าอย่างสมบูรณ์ ดังที่เราเห็นในกิจการและพระวาจาของพระคริสตเจ้าอย่างชัดเจน พระจิตเจ้ายังประทานพระคุณเหล่านี้ ให้แก่เราเพื่อให้เราสามารถมีความรู้สึกและทำกิจการเช่นเดียวกับพระคริสตเจ้าได้

สำหรับวันนี้เก็บข้อคิดเล็ก ๆ น้อย ๆจากบทเทศน์มาฝากกันค่ะ

นักบุญยอแซฟ ท่านเป็นคนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ท่านปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างดีที่สุด ท่านได้ทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้อย่างดีที่สุด ท่านได้ชื่อว่าเป็นผู้ชอบธรรม และพระศาสนจักรได้ให้เคารพนับถือท่าน ยกย่องท่านนักบุญยอแซฟ พระศาสนจักรสมโภชวันที่ 19 มีนาคม ของทุำก ๆ ปี  และพระศาสนจักรยกย่องให้ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของเราทุกคน

เรามนุษย์ทุกคนต้องดำรงเลี้ยงชีพ  ทำหน้าที่ของตน ทำงานออกแรงเลี้ยงชีพ พระศาสนจักรให้ท่านนักบุญยอแซฟ เป็นแบบฉบับของกรรมกร ให้ท่านเป็นที่พึ่งของเรา วันนี้เราจึงเข้ามาพึ่งความช่วยเหลือจากท่าน โดยขอให้ท่านเป็นผู้เสนอคำวิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อเราทุกคน ท่านนักบุญได้ทำหน้าที่ ทำงานของตนที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้าจนสำเร็จ สิ่งแรกจึงอยากให้เราทุกคนร่วมโมทนาคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงสร้างเรามนุษย์มาเพื่อให้เรามีความรักความเมตตาต่อกัน สร้างมนุษย์ในลักษณะพิเศษ และมิได้ทรงทอดทิ้ง มิได้ทำโทษเมื่อทำผิดร้ายแรง นักบุญเปาโลสอนเราว่า “โลก สังคม จะอยู่ร่วมกันด้วยความเรียบร้อย สงบสุข ต้องมี”โซ่แห่งความรัก” ที่คล้องเราอยู่ ซึ่งความรักนี้เองจะรวมเราเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความสมบูรณ์ และสันติสุขในพระเจ้า

วันนี้อยากให้พี่น้องได้รับความรู้เกี่ยวกับ พระคุณของพระจิต 7 ประการว่า สำคัญอย่างไร
บทความนี้ขอขอบคุณ คุณทรัพย์ ประกอบกิจ จากเว็บไซต์นี้ พระคุณของพระจิต

ขอให้เรามาพิจารณาพระคุณของพระจิตเจ้าแต่ละประการอย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้เข้าใจให้ลึกซึ้งมากขึ้น

1. พระดำริ (หรือปรีชาญาณ)
คือพระคุณที่ทำให้เรารู้สึกในอรรถรสของพระเจ้าและสิ่งสร้าง ทั้งช่วยเราให้สามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว
เมื่อเรารับพระเจ้า เราสามารถสัมผัสความรักของพระเจ้า และเห็นคุณค่าของทุกสิ่ง ที่พระเจ้าทรงสร้างมา ในธรรมชาติ เช่น เราจะรู้สึกว่าพระเจ้าทรงอยู่ใกล้ชิดเราเมื่อเราได้ยินเสียงใบไม้ไหว หรือเมื่อมองเห็นดาวกระพริบอยู่บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน

สำหรับผู้ที่ได้รับปรีชาญาณ ชีวิตของตนแม้ต่ำต้อยหรือปกติที่สุดก็เป็นสิ่งน่าพิศวงเพราะรู้สึกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากพระเจ้า ในสมัยกลาง อิสอัค นักบวชชาวอังกฤษคนหนึ่งเคยกล่าวว่า "โลกนี้เป็นประโยชน์สองประการสำหรับมนุษย์ คือเลี้ยงเราและสอนเรา" พระจิตเจ้าทรงจัดให้สิ่งของในโลก มีไว้ไม่เพียงแต่เป็นอาหารเลี้ยงท้อง แต่เป็นอาหารเลี้ยงวิญญาณอีกด้วย ทุกสิ่งในโลกเป็นข่าวสารของพระเจ้าสำหรับเรา ผู้ที่ได้รับพระคุณแห่งปรีชาญาณนี้ สามารถรับสื่อเหล่านี้ และได้เรียนรู้ เช่น ดอกไม้ส่งกลิ่นนำความชื่นชมอย่างเงียบ ๆ, ตะวันขึ้นทุกวันแม้ไม่มีใครมาตั้งใจชม, กระแสน้ำที่ไหลเป็นนิจ, นกร้องเหมือนกับคนอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างง่าย ๆ ของการเรียนรู้

ปรีชาญาณยังช่วยเราให้สามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว กษัตริย์ซาโลมอนได้รับปรีชาญาณเมื่อทรงอธิษฐานภาวนาว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไรถูก ขอพระองค์ประทานใจที่อ่อนน้อมว่านอนสอนง่าย เพื่อจะสามารถแยกแยะความดีจากความชั่ว”

ดังนั้น ปรีชาญาณเป็นพระคุณที่ส่องแสงในจิตใจมนุษย์ และช่วยอธิบายความหมายของชีวิต อังเดร ฟอร์ซารด์ นักเขียนชาวฝรั่งเศส ก่อนจะตายได้เขียนว่า "มนุษย์ได้อำนาจมากกว่าปรีชาญาณ ถ้าไม่กลับใจ ในไม่ช้าก็จะประพฤติเหมือนสัตว์" ถูกของเขา ทุกอย่างที่มนุษย์สมัยนี้ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา ก็มีไว้เพื่อขยายสมรรถภาพ ฝ่ายกาย เช่น โทรทัศน์ขยายความสามารถในการมองของตา, รถยนต์ขยายความสามารถที่จะเดินของเท้า, โทรศัพท์ก็มีไว้เพื่อขยายความสามารถในการฟังของหู

แต่การขยายสมรรถภาพของร่างกายเช่นนี้ไม่ได้ส่วนกับการขยายสมรรถภาพของวิญญาณ มีแต่ปรีชาญาณเท่านั้นที่สามารถช่วยเราให้เห็น ให้ใช้สิ่งประดิษฐ์น่าทึ่งเหล่านี้อย่างถูกต้อง คือช่วยเราให้รู้จักใช้ทุกสิ่งเพื่อแสดงความรักที่มาจากพระเจ้าแก่ผู้อื่น ปล่อยให้ความรักของพระองค์ครอบครองจิตใจของเราและของมนุษย์

2. สติปัญญา
คือพระคุณที่ทำให้เราเข้าใจในความจริงที่ต้องเชื่อและต้อง ปฏิบัติตามเป็นพระคุณที่ช่วยเรามิให้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา แต่แสวงหาความจริงของทุกสิ่งอย่างลึกซึ้ง
ดังที่ท่านนักบุญเปาโลเขียนไว้ว่า "พระจิตเจ้าทรงหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งสิ่งที่ลึกล้ำของพระเจ้า" (1คร. 2:10)

พระพรนี้ช่วยเราให้พ้นพฤติกรรมของคนทั่วไปนับตั้งแต่เด็กมา คือ สลวนสนใจเพียงเรื่องภายนอก เช่น ความสวยงาม การแต่งตัว ทรัพย์สมบัติ ความนิยมชมชอบ การได้หน้าได้ตา เกียรติยศชื่อเสียง พระพรนี้ช่วยให้เราพ้นจากโรคเหล่านี้ที่ขึ้นสมองของคนทั่วไป ทำให้เราเป็นคนหนึ่งที่มองเห็นคุณค่าที่สูงกว่านั้นในทุกสิ่ง

พระคุณแห่งสติปัญญายังช่วยเราให้เข้าใจพระคัมภีร์ พระวาจาของพระเจ้าอย่างถูกต้องตามพระสัญญาของพระคริสตเจ้าที่ตรัสว่า "เมื่อพระจิตเจ้าแห่งความจริงจะเสด็จมา พระองค์จะนำทางท่านทั้งหลายไปสู่ความจริงทั้งหมด" (ยน. 16:13)

นอกจากนั้น สติปัญญาจะช่วยเราให้เข้าใจคำสอนของธรรมประเพณีที่มีชีวิตชีวาในพระศาสนจักร จะเห็นได้ว่าธรรมล้ำลึกต่าง ๆ เช่น เรื่องการเนรมิตสร้าง, การกอบกู้, การคืนชีพหลังความตาย, รวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างงดงาม และรับแสงสว่างจากพระวาจาของพระเจ้าอยู่เสมอ พระคุณแห่งสติปัญญานี้เอง ปลุกความเชื่อในใจ ของเรา ทำให้เราทราบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้า. "หากพระจิตเจ้ามิได้ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวได้ว่า พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า" (1คร.12:3)

3. ความคิดอ่าน
คือพระคุณที่ทำให้เราตัดสินใจปฏิบัติตามแผนการของพระเจ้าคือช่วยเราให้ค้นพบหนทางชีวิตที่ถูกต้อง ให้รู้ว่าพระองค์ทรงต้องการอะไรจากเรา เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับมนุษย์แต่ละคน
การค้นพบแผนการนี้เป็นเงื่อนไข เพื่อจะประสบความสำเร็จในชีวิต ความคิดอ่านช่วยเราให้แยกแยะ สิ่งที่ถาวรจากสิ่งที่ชั่วคราว ช่วยเราให้รอบคอบในการเลือกวิถีชีวิตโดยไม่ผิดพลาด เช่น จะตัดสินใจแต่งงาน, บวช หรือดำเนินชีวิตโสด ฯลฯ

พระพรนี้ยังช่วยเราให้เคารพอิสรภาพของผู้อื่นในการเลือกหนทางชีวิตขณะที่ช่วยเขาให้เลือกดำเนินชีวิตตามพระประส่งค์ของพระเจ้าในทุกกรณี ที่จริงมนุษย์มีความสามารถมากมาย แต่เราใช้สมรรถภาพนั้นน้อยเกินไป เพราะขาดการตัดสินใจแน่วแน่ เช่น เด็กอายุ 3 ขวบที่อยู่กับคน 10 คนในครอบครัว แต่ละคนพูดภาษาคนละภาษากับเด็ก เด็กคนนี้สามารถโต้ตอบกับทุกคนในภาษาต่าง ๆได้

นักจิตวิทยามีความเห็นพ้องต้องกันว่า มนุษย์เราพัฒนาความทรงจำความสามารถที่จะรัก และความสามารถที่จะสนใจในเรื่องอื่น ๆ น้อยเหลือเกิน พระพรแห่งความคิดอ่านช่วยเรามิให้ละทิ้งสมรรถภาพนี้ไว้ให้เปล่าประโยชน์

4. พละกำลัง
คือพระคุณที่ช่วยเราให้มีความกล้าหาญ ความมั่นคง และความ ซื่อสัตย์ในความเชื่อ สามารถต่อสู้กับศัตรูฝ่ายวิญญาณได้
หนังสือกิจการอัครสาวกแสดงชัดว่าเมื่อบรรดาอัครสาวกได้รับพระจิตเจ้าแล้วในวันเปนเตกอสเต ก็ได้รับพระจิตเจ้าแล้วในวันเปนเตกอสเต ก็ได้รับพละกำลังที่จะประกาศพระคริสตเจ้าอย่างกล้าหาญ และได้ดำเนินชีวิตเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้าอย่างเปิดเผย หากมนุษย์ไม่มีความกล้าหาญหรือพลังภายในเช่นนี้เขาจะไม่กล้าประพฤติผิดแผกจากคนทั่ว ๆ ไป เขาจะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นหรือช่วยคนอื่น เขาจะปรานีประนอมในทุกกรณี แตร์ตูเลียน ปิตาจารย์ในศตวรรษที่สาม เคยเปรียบเทียบพระจิตเจ้ากับโค้ชของนักกีฬาว่า โค้ชจะสอนนักกีฬาของตนว่า เขาจะต้องรู้จักออกแรงจนเหน็ดเหนื่อย เขาจะไม่สามารถได้เหรียญทองหากไม่มีเหงื่อออก ถ้าเขามุ่งมั่นเขาจะไม่รู้สึกเบื่อหน่ายจำเจในการฝึกฝน

ฉะนั้น พระคุณแห่งพละกำลังที่เรารับจากพระจิตเจ้าช่วยเราให้ปฏิบัติตามข้อความบนป้ายที่ติดไว้บนฝาผนังในบ้านของคุณแม่เทเรซาแห่งกัลกัตตาที่ว่า "มนุษย์นั้นบ่อยครั้งทำอะไรไม่มีเหตุผล เห็นแก่ตัวช่างมัน…จงรักเขาเถิด, ถ้าท่านทำความดีผู้อื่นอาจคิดว่า ท่านหวังจะได้ประโยชน์ช่างมัน…จงทำความดีเถิด, ถ้าท่านประสบความสำเร็จ ท่านจะพบว่ามีทั้งมิตร เทียมและศัตรูแท้ ช่างมัน…พยายามทำให้สำเร็จ, ความดีที่ท่านทำวันนี้พรุ่งนี้ก็จะถูกลืม ช่างมัน…จงทำความดีเถิด, ความสุจริตและจริงใจจะทำให้ท่านถูกเอาเปรียบ ช่างมันจงเป็นผู้สุจริตและจริงใจเถิด, สิ่งที่ท่านได้สร้างขึ้นเป็นเวลานานอาจจะถูกทำลายในพริบตา ช่างมัน…จงสร้างขึ้นเถิด, ถ้าท่านช่วยคนอื่น เขาอาจจะไม่พอใจท่าน ช่างมัน…จงช่วยเขาเถิด, ถ้าท่านทุ่มเทตนเองอย่างดีที่สุดแก่ผู้อื่นเขาอาจจะเตะท่านทิ้ง ช่างมัน…จงทุ่มเทตัวเองอย่างดีที่สุดเถิด"

5. ความรู้
คือพระคุณที่ช่วยเราให้รู้จักพระเจ้าและทุกสิ่งที่เกี่ยวกับพระองค์ ความรู้นี้เป็นโลกทัศน์ที่มาจากการพบปะกับพระเจ้าผู้ทรงเปลี่ยนแปลงใจและชีวิตของมนุษย์
อาศัยพระพรนี้นักเทววิทยาสามารถอธิบายความจริงที่เราเชื่ออย่างเป็นระบบ และสามารถเข้าใจเครื่องหมายของกาลเวลา ที่แสดงพระประสงค์ของพระเจ้าให้แก่เรา ในทุกวันนี้ เป็นพระพรซึ่งผู้สอนคำสอนต้องรับเพื่อจะเป็นอาจารย์แห่งความเชื่อให้แก่ผู้อื่น พระพรนี้ทำให้เรารักพระเจ้าและทุกสิ่งมากยิ่งขึ้น

คอสตอเยสกี นักเขียนเรืองนามชาวรัสเซียคนหนึ่งคงจะได้รับพระคุณนี้เมื่อได้เตือนผู้อ่านว่า "พี่น้องทั้งหลาย จงรักสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างทั้งมวล ทั้งส่วนรามและทีละสิ่ง เหมือนเม็ดทรายทีละเม็ดจงรักใบไม้แต่ละใบ จงรักแสงแดด ต้นไม้ สัตว์ และทุกสิ่ง โดยเฉพาะจงรักเด็ก เพราะเขามีชีวิตเพื่อชำระจิตใจของท่าน และทำให้ท่านรู้สึกอ่อนโยน"

6. ความศรัทธา
คือพระคุณที่ทำให้จิตใจของเรายอมนมัสการพระเจ้า แสดง คารวะกิจพิเศษต่อพระองค์ ยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดา ทรงเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสุดท้าย ของพระพรทุกอย่าง ความศรัทธา คือความรู้สึกอ่อนโยนต่อพระเจ้า รักพระองค์เหนือสิ่งอื่นใด และปรารถนาที่จะถวายเกียรติแด่พระองค์ในทุกสิ่งที่เรากระทำ พระเมตตาที่พระองค์ทรงมีต่อเราใหญ่ยิ่ง
ทรงมีพระประสงค์ให้เราตอบสนองความรักต่อพระองค์ ผู้มีความศรัทธาไม่เพียงแต่แสวงหาความบรรเทาใจจากพระเจ้า ยังปรารถนาที่จะร่วมสุขร่วมทุกข์กับพระองค์อีกด้วย

ความศรัทธาช่วยเราให้ทนความทุกข์ยากลำบากเช่นเมื่อบีโทเฟน นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่มีอายุ 46 ปี เกิดหูหนวกสนิท เขารู้สึกสิ้นหวัง แต่อาศัยความศรัทธาที่เขายังมีต่อพระเจ้า เขายังพบพละกำลังที่จะเอาชนะความผิดหวังได้ เขาเขียนดนตรีอมตะชิ้นหนึ่งที่เรียกว่ามิสซาสง่า โดยใช้เวลาสองปีในการเขียนงานชิ้นนี้ หลังโน้ตตัวสุดท้ายเขาเขียนว่า "พระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการอันมั่นคงของข้าพเจ้า"

เมื่อเราเชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา เราไว้วางใจพระองค์เหมือนกับลูกรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของพ่อของตน ดังการ์โล คาเรตโต เขียนไว้ว่า "ถ้าพระเจ้าเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีที่แท้จริงในพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่ถามพระองค์ว่า ทำไม…? ทำไม…? แต่จะบอกเพียงว่า พระองค์ทรงทราบ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่คิดว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตเกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นเครื่องหมายแสดงความรักของพระองค์ ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่หมดความเชื่อ เมื่อเผชิญหน้ากับ ภัยธรรมชาติ คือ เมื่อไม่สามารถเห็นความสัมพันธ์ระหว่างความรักของพระเจ้า และความทุกข์ยากลำบากที่ข้าพเจ้ากำลังประสบอยู่ พระเจ้าทรงเป็นเจ้านายของจักรวาล แม้แผ่นดินสะเทือนและแม่น้ำจะไหลท่วม พระองค์ทรงเป็นพระบิดา แม้ความหนาวจะทำให้มือแข็งหรือหรืออุบัติเหตุจะทำให้พิการตลอดชีวิต" นี่คือตัวอย่างของพลังอำนาจของพระคุณความศรัทธา

7. ความยำเกรง
คือพระคุณที่ช่วยให้เรามีจิตสำนึกในความยิ่งใหญ่และศักดิ์ศรี สูงส่งของพระเจ้า พระเจ้าทรงพระทัยดี และทรงเป็นพระบิดา ทั้งยังทรงพละกำลัง ทรงพลานุภาพ เราจึงต้องเคารพและนอบน้อม เชื่อฟังพระองค์ ดำเนินชีวิตเฉพาะพระพักตร์พระองค์, สลวนที่จะทำให้พระองค์พอพระทัยมากกว่าทำให้มนุษย์พอใจ
นักบุญเปาโลเตือนเราว่า "อย่าหลอกลวงตนเอง เราจะเยาะเย้ยพระเจ้าไม่ได้" (กท. 6:7)
 

ผู้ที่ไม่เคารพพระเจ้าก็จะไม่เคารพมนุษย์อีกด้วย ดังที่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ได้พิสูจน์แล้ว ความยำเกรงพระเจ้า ยังสอนเราว่า เราไม่สามารถทำตามใจชอบ เราไม่ใช่เจ้าของความดีและความชั่ว เราไม่สามารถทำให้ความอธรรมกลับเป็นความชอบธรรม ทำให้สิ่งที่ผิดกลับเป็นสิ่งที่ถูก ทุกครั้งที่เราไม่เคารพสิ่งที่มีค่าในชีวิต ก็เท่ากับว่าเราไม่เคารพพระเจ้าผู้ทรงเป็นต้นกำเนิดของคุณค่าเหล่านั้น
ความยำเกรงพระเจ้าทำให้เรารู้ว่า พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ไม่ทรงใช้มาตราการของมนุษย์ที่มักจะตัดสินว่า ผู้มีอำนาจและผู้ประสบความสำเร็จเท่านั้นมีคุณค่า แต่พระองค์ทรงรักเราอย่างที่เราเป็น และทรงช่วยเราให้พ้นจากสิ่งที่จะทำลายเรา เพื่อจะได้สิ่งที่ดีจริง สำหรับเรา ความยำเกรงพระเจ้าจึงเป็นความรักเยี่ยงลูก ซึ่งเกรงจะทำเคืองพระทัยพระบิดา

                                                                                                                                   คุณพ่อไกส์ (สู่ปี2000 ฉบับที่ 9)

ประวัติวัดนักบุญยอแซฟ ตรอกจันทน์ตารางมิสซา