วันหนึ่งเราถูกรวมให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า (Pope at Angelus: One day, we will all be united in Christ)
เมื่อเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2024 พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงกล่าวปราศรัยระหว่างการสวดบททูตสวรรค์แจ้งสาร โดยอ้างคำพูดของพระเยซูเจ้าจากพระวรสารประจำวันที่ว่า “ดวงอาทิตย์จะมืดลง และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง” พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงฉวยโอกาสเสนอการตีความที่แตกต่างออกไป กล่าวคือ “สวรรค์และโลกจะล่วงลับไป แต่พระวาจาของพระเจ้าจะไม่สูญสิ้น” "วันหนึ่งเราจะพบสิ่งของและผู้ที่ล่วงลับไปแล้วอีกครั้ง ... เราจะไม่สูญเสียสิ่งที่เราสร้างและรักเลย เพราะความตายจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่"
สิ่งที่จะผ่านไป (What will pass)
พระสันตะปาปาตรัสว่าสิ่งนี้จะเป็นหัวข้อสำหรับการสอนคำสอนของพระองค์ในวันนี้ นั่นก็คือ: สิ่งที่ผ่านไปและสิ่งที่เหลืออยู่ “ในบางสถานการณ์ในชีวิตของเรา เมื่อเรากำลังผ่านพ้นช่วงเวลาของวิกฤต หรือประสบการณ์บางอย่างที่ล้มเหลว … เรามีความรู้สึกว่าทุกสิ่งกำลังจะจบลง แม้กระทั่งสิ่งที่สวยงามที่สุด สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นกำลังจะผ่านพ้นไป” วิกฤตการณ์เหล่านี้ อาศัยความยากลำบาก แต่ก็มี “ความสำคัญ” เพราะมันสอนให้เรา “ปฏิบัติตามทุกสิ่งตามน้ำหนักของมัน” และไม่นำหัวใจของเราไป “ยึดติดกับความเป็นจริงของโลกนี้”
สิ่งที่จะคงอยู่ (What will remain)
ขณะที่ทุกสิ่งในโลกนี้จะสูญสิ้นไป แต่พระวาจาของพระเยซูเจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่จะคงอยู่ตลอดนิรันดร และเนื่องจากพระคริสตเจ้าพระองค์เองทรงดำรงอยู่ สิ่งอื่น ๆ ก็จะดำรงอยู่เช่นกัน “ในพระองค์ วันหนึ่งเราจะพบสิ่งต่าง ๆ บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว และบุคคลที่อยู่กับเราในโลกนี้อีกครั้ง ในคำมั่นสัญญาแห่งการกลับคืนชีพ ทุก ๆ ความเป็นจริงได้รับความหมายใหม่ ทุกสิ่งตาย และเราด้วยวันหนึ่งจะต้องตาย แต่เราจะไม่สูญเสียสิ่งใดจากสิ่งที่เราสร้างและรัก เพราะความตายจะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่” ขอให้เราถามตัวเราเองว่า เรายึดติดกับสิ่งของฝ่ายโลกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือกับพระวาจาของพระเจ้าซึ่งดำรงอยู่ และนำทางเราไปสู่ชีวิตนิรันดรหรือไม่?