หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ลักษณะของคาทอลิกที่เห็นเด่นชัด ต่างจากคนทั่วๆไป ดูได้อย่างไรคะ?
โดย...บาทหลวง วีระ อาภรณ์รัตน์

พวกเราคาทอลิก ดูทั่วไปแล้วก็เหมือนคนไทยโดยทั่วไป แต่จะรู้แน่ชัดว่าเป็นคาทอลิก ก็น่าจะมีเครื่องหมายกางเขนที่สร้อยคอ หรือรูปแม่พระ หรือหน้าบ้าน หรือที่รถยนต์ติดรูปพระไว้ นี่เป็นเรื่องภายนอก หากเป็นเรื่องนิสัย น่าจะเป็นคนใจกว้าง ชอบช่วยเหลือคนยากจน เมตตากรุณาและยุติธรรมต่อคนข้างเคียง  อันที่จริงคนทั่วไปก็น่าจะทำอยู่แล้วครับ แต่พ่อว่าเราคาทอลิก น่าจะเอาจริงเอาจังเรื่องนี้ ไม่ว่าช่วงประชุมเอเปค หรือโอกาสอื่นๆด้วย

ลักษณะที่เด่นชัดแห่งความเชื่อของคริสตชนที่เป็นผู้ใหญ่
ตามทัศนะของคุณพ่อเบอร์นาร์ด แฮริ่ง (ค.ศ.1912-1997)   อาจารย์เทววิทยาด้านศีลธรรมคณะพระมหาไถ่ ท่านเขียนหนังสือ   Christian Maturity : Holiness in today's world      สรุปใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้

1. รักความจริง คริสตชนที่มีความเชื่อแบบผู้ใหญ่ รู้ว่าพระคริสตเจ้าเป็นความจริง นำเราไปหาพระบิดา (ยน.18.36-38) และรู้ต้นกำเนิด จุดหมายปลายทาง และกระแสเรียกของมนุษย์
ความเชื่อเช่นนี้ ช่วยให้คริสตชนเป็นคนซื่อสัตย์ คิดซื่อ พูดซื่อ ทำซื่อ ด้วยความสุขุมรอบคอบ (มธ.7.6)

2. มีศิลปะในการสนทนา (บสร.4.25-26,11.14,20.5-8) เมื่อรักความจริง ต้องมีศิลป์ในการสนทนารู้จักเลือกคู่คุย พร้อมที่จะเป็นผู้ฟัง และช่วยเหลือ และตั้งใจที่จะช่วยแสวงหาปัญญา

ต้องรู้จักสนทนากับพระเป็นเจ้าก่อนบุคคลใด และสนทนากับพี่น้องผู้ร่วมทาง นั่นคือการเลียนแบบพระเยซูเจ้า ที่ฟังพระวาจา ฟังคนฉลาด ฟังความต้องการของประชาชน และเสียงร้องของคนบาป พระองค์สนทนากับศิษย์ กับประชาชน กับหญิงชาวซามาเรีย (เทียบ ยน.4)

ศิลปะในการสนทนาเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญ พ่อ,แม่,ลูก,ครู,ศิษย์ ฯลฯ ต้องมีศิลป์ในการสนทนาด้วยความเพียรทนและเคารพ เพื่อแสวงหาความจริง และช่วยกันแก้ไขปัญหาทั่วไป เราต้องสนทนา ด้วยความเชื่อ เพื่อสร้างสันติ และความยุติธรรมในสังคม

3. ชื่นชมในสิ่งงดงาม นักบุญโธมัส อาไควนัส กล่าวว่า ความงามเป็นชื่อหนึ่งที่แสดงลักษณะของพระสิ่งสร้างเผยแสดงถึงพระสิริรุ่งโรจน์ และความงามของพระองค์ ความงามมีค่าเหนือผลประโยชน์และกำไรผู้ที่เข้าใจความหมายของความงามแท้ จะไม่ลดตนไปปนกับแรงกระตุ้นเรื่องเพศ แต่มีสายตากว้างไกล เห็นความจริง ใจเมตตา สงบ สันติ เป็นสิ่งงดงามบริสุทธิ์ เห็นความน่ารักของผู้ให้กำเนิด

ผู้ที่ชื่นชมในความงามของธรรมชาติ จะระลึกถึงพระผู้สร้าง ผู้เป็นปฐมเหตุ จะเข้าใจว่าความงาม
เป็นพระหรรษทาน ดังเช่น นักบุญฟรังซิส อัสซีซี โลกต้องการคนเช่นนี้ เพื่อสอนเด็ก เยาวชน และผู้
ใหญ่ ให้รักความงาม ซึ่งฉายแสดงถึงความดีและความจริง ซึ่งจะช่วยปลดเปลื้องโลก จากความน่า
เกลียดแห่งความกดขี่ก้าวร้าว และความรุนแรง

4. คริสตชนต้องรู้จักพักผ่อน ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และมีวันฉลอง กล่าวคือ เป็นชาวคริสต์ต้องร่าเริง ร่วมทุกข์ร่วมสุข การพักผ่อน การเล่น งานฉลอง นอกจากเป็นการพักผ่อนจากงาน และฟื้นฟูกำลังเพื่อทำงานต่อไป ยังมีความหมายในตัวเองแก่ทุกคนผู้แสวงหาความหมายแท้ของชีวิตด้วย (มก.2.27)   

ชาวคริสต์ไม่ลืมว่า บูชามิสซาในวันอาทิตย์เป็นสิ่งสำคัญที่ให้ความหวังแก่ชีวิตของเรา และการเป็น
คนมีอารมณ์ขัน ไม่ขัดอะไรกับชีวิตคริสตชน

5. สื่อมวลชน เราไม่ลืมหรือมองข้ามความสำคัญของสื่อสารมวลชนในยุคปัจจุบัน ว่าเป็นเครื่องมือ ประกาศพระวาจาได้ หากเรารู้จักเลือกใช้ เพื่อปลุกสำนึกต่อสภาพสังคม เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาและสร้างสันติ เป็นเสียงของผู้ที่ไร้เสียง ช่วยเหลือคนตกทุกข์หิวโหย ประสบภัยต่างๆ เป็นเครื่องมือที่ดี  เพื่อให้เกิดการจัดการช่วยเหลือแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

เราไม่ลืมด้วยว่า สื่อสารมวลชนมีอันตรายเช่นกัน หากมนุษย์ใช้ในการที่ผิด  สื่อสารมวลชน  ได้แก่    สิ่งพิมพ์ ภาพยนตร์ เทปแคสเซท วิทยุ  โทรทัศน์

6. ต้องร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาสังคม และการสำรวจความเห็นประชามติ  เมื่อมีการสำรวจ เช่นเรื่อง  ประชาธิปไตย ส่งเสริมเสรีภาพและศักดิ์ศรีของมนุษย์ พระสังคายนาวาติกันที่ 2 เรื่องพระศาสนจักรยืนยัน ข้อนี้ (37)

7. เด่นในความเชื่อ (ดู อฟ.6.13-17,ฟป.3.8-17) เอกลักษณ์ของเราคือ ดำเนินชีวิตเป็นพยานและช่วยเหลือ  สำนึกว่าทุกสิ่งมาจากพระเป็นเจ้า สำนึกในพระหรรษทานแห่งความเชื่อ และยินดีอุทิศตนเป็นผู้รับใช้พระวรสาร สนใจความต้องการสังคมปัจจุบันด้วยการมีเมตตาธรรมเป็นพื้นฐาน (พระศาสนจักร ข้อ 41)
 

8. คริสตชนสนใจเพื่อนต่างศาสนา  หรือไม่สนใจศาสนา (Atheism) (ดู GS 19-22) ในสภาพสังคมปัจจุบัน เราต้องเป็นพยานยืนยันความเชื่อในชีวิตประจำวัน  พ่อแม่ต้องปฏิบัติศาสนา เป็นตัวอย่างแก่ลูก
 

9. คริสตชนที่มีครอบครัวแล้วต้องซื่อสัตย์ต่อคู่ชีวิต  ไม่มีชู้ ไม่หย่าร้าง  ต้องรักษาสัญญาของศีลสมรสจนตลอดชีวิต โดยรู้จักภาวนาเสมอ
 

10.  คริสตชนต้องสนใจคนชรา ให้ความเคารพและกตัญญูต่อผู้สูงอายุ อย่าทอดทิ้ง ถือว่าคนแก่ไร้ค่า
 

11. สนใจเยาวชน (1ทธ.5.1-12,1ยน.2.13-14) ให้เขารู้จักคุณค่าของชีวิตวัยรุ่น  อบรมเขาให้เป็นคนรับผิดชอบ พร้อมที่จะช่วยเหลือคนอื่น ให้เขารู้จักใช้เสรีภาพ เป็นผู้ใหญ่(Maturation) และศรัทธา
 

12. รู้จักเคารพร่างกาย สำนึกว่าร่างกายเป็นวิหารของพระจิตเจ้า (2คร.4.10-14) เมื่อได้รับศีลล้างบาป และศีลกำลัง จึงต้องเคารพร่างกาย รักษาความบริสุทธิ์ (Chastity) ต้องรักษาร่างกายให้สุขภาพดี แต่อย่าปรนเปรอ หรือสนใจแต่งตัวเกินควร
 

นอกจากนี้  คุณพ่อแฮริ่ง  ยังกล่าวถึงเรื่องการอุทิศตนเพื่อรักษาวัฒนธรรม การสนใจ การปกครอง บ้านเมือง และส่งเสริมสันติภาพอีกด้วย
 

 แค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะยาวเกินไป