Logo

Lectio Divina มิถุนายน 2017

หมวด: Lectio Divina 2017
เขียนโดย พระคุณเจ้าประธาน ศรีดารุณศีล
ฮิต: 1118

Lectio Divina : มิสซาในพระวาจา - 31                                                                      มิถุนายน 2017

 

กินพระกาย และดื่มพระโลหิตของพระองค์

 

          จูบพระวาจาในพระวรสาร และวิงวอนให้พระเจ้าทรงโปรดให้ถ้อยคำเหล่านี้พูดกับท่านอย่างทรงพลังในวันนี้ อ่านถ้อยคำเหล่านี้ดังๆ เพื่อท่านจะรับรู้มากกว่าเพียงการอ่านด้วยตา แต่ยังได้ยินด้วยหู และเปล่งออกมาด้วยปากของท่าน

 

Lectio (พระเจ้าตรัสอะไร)

 

ยอห์น 6:51-69

 

          เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์

          ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป

          และปังที่เราจะให้นี้

          คือเนื้อของเรา เพื่อให้โลกมีชีวิต”

 

          ชาวยิวจึงเถียงกันว่า “คนนี้เอาเนื้อของตนให้เรากินได้อย่างไร”

          พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า

          “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า

 

          ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์

          และไม่ดื่มโลหิตของเขา

          ท่านจะไม่มีชีวิตในตนเอง

          ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา

          ก็มีชีวิตนิรันดร

          เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย

          เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้

          และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้

          ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา

          ก็ดำรงอยู่ในเรา

          และเราก็ดำรงอยู่ในเขา

          พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา

          และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด

          ผู้ที่กินเนื้อของเราจะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น

          นี่คือปังที่ลงมาจากสวรรค์

          ไม่เหมือนปังที่บรรดาบรรพบุรุษได้กิน แล้วยังตาย

          ผู้ที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป”

          พระองค์ตรัสเช่นนี้ขณะที่ทรงสอนในศาลาธรรมที่เมืองคาเปอรนาอุม เมื่อศิษย์หลายคนได้ยินพระองค์ตรัสดังนี้ก็กล่าวว่า “ถ้อยคำนี้ขัดหูจริง ใครจะฟังได้”

          พระเยซูเจ้าทรงทราบด้วยพระองค์ว่าบรรดาศิษย์กำลังบ่นกันเรื่องนี้ จึงตรัสกับเขาว่า “เรื่องนี้ทำให้ท่านเคลือบแคลงใจเราหรือ แล้วถ้าท่านจะเห็นบุตรแห่งมนุษย์กลับขึ้นสู่สถานที่ที่เคยอยู่แต่ก่อนเล่า ท่านจะว่าอย่างไร”

 

          ‘พระจิตเจ้าเป็นผู้ประทานชีวิต

          ลำพังมนุษย์ทำอะไรไม่ได้

          วาจาที่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายนั้นให้ชีวิต

          เพราะมาจากพระจิตเจ้า

 

          แต่บางท่านไม่เชื่อ” พระเยซูเจ้าทรงทราบตั้งแต่เรกแล้วว่าผู้ใดไม่เชื่อ และผู้ใดจะทรยศต่อพระองค์ พระองค์ตรัสต่อไปว่า “ดังนั้น เราจึงบอกท่านทั้งหลายว่า ไม่มีผู้ใดมาหาเราได้ เว้นแต่ผู้ที่พระบิดาประทานให้เขามา” หลังจากนั้น ศิษย์หลายคนเปลี่ยนใจ ไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป

 

เปโตรประกาศความเชื่อ

          พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับอัครสาวกสิบสองคนว่า “ท่านทั้งหลายจะไปด้วยหรือ”

          ซีโมน เปโตรทูลตอบว่า “พระเจ้าข้า พวกเราจะไปหาใครเล่า พระองค์มีพระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร พวกเราเชื่อ และรู้ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า”

 

 

ทำความเข้าใจกับพระวาจา

 

          พยายามทำความเข้าใจด้วยทั้งความคิดและจิตใจ ว่าตัวบทพระวรสารนี้มีผลอย่างไรต่อความเชื่อของท่านในการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท

          ตลอดพระวรสารของยอห์น พระวจนาตถ์นิรันดรผู้ประทานชีวิต “ทรงรับธรรมชาติมนุษย์ และเสด็จมาประทับอยู่ในหมู่เรา” ในองค์พระเยซูเจ้า(1:4) การเน้นย้ำเรื่องของการรับธรรมชาติมนุษย์นี้จะต่อเนื่องกลายเป็นการเน้นย้ำในเวลาต่อมาถึงการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท พระวจนาตถ์นิรันดรไม่เพียงประทับอยู่กับเรา แต่ยังประทานพระองค์เองเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตเราด้วย “ปังที่เราจะให้นี้คือเนื้อของเราเพื่อให้โลกมีชีวิต” (ข้อ 51) คำว่า “ให้” ในที่นี้หมายถึงการถวายบูชา พระเยซูเจ้าทรงกำลังบอกเราว่า พระองค์จะ “ให้” (หรือ “ถวาย”) “เนื้อ” ของพระองค์แด่พระเจ้าในการถวายบูชา “เพื่อให้โลกมีชีวิต” พระองค์ตรัสโดยใช้คำว่าให้ ซึ่งมีความหมายสองแง่ ว่าพระองค์จะประทานพระกายของพระองค์ให้เป็นอาหารสำหรับผู้ที่มาหาพระองค์ เช่นเดียวกับการถวายเครื่องบูชาเพื่อขอบพระคุณพระเจ้าในพระคัมภีร์โทราห์(Torah) พระเยซูเจ้าทรงมอบพระองค์เองแด่พระเจ้าในการถวายบูชา และประทานพระองค์เองเป็นอาหารสำหรับงานเลี้ยงรับรองการถวายบูชา

          จากนั้น พระเยซูเจ้าทรงเน้นว่าการกินพระกายและดื่มพระโลหิตของพระองค์ คือ สิ่งสำคัญสำหรับการมี “ชีวิตนิรันดร” (ข้อ 53-54) ชีวิตนิรันดรในพระวรสารหมายถึงชีวิตแท้ ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปัจจุบัน และดำเนินต่อไปนานชั่วนิรันดร พระเยซูเจ้าตรัสต่อไปว่าผู้ที่กินพระกายของพระองค์ และดื่มพระโลหิตของพระองค์ จะ “ดำรงอยู่” ในพระองค์ และพระองค์ก็ดำรงอยู่ในเขา (ข้อ 56) การดำรงอยู่ในพระองค์หมายถึงการพำนัก หรือมีชีวิตร่วมกับพระองค์ การดำรงอยู่ในกันและกันคือการดำรงอยู่ของศิษย์ในพระเยซูเจ้า และการดำรงอยู่ของพระเยซูเจ้าในศิษย์ของพระองค์ เป็นการสนิทเป็นหนึ่งเดียวอันลึกล้ำ หรือการพำนักอยู่ภายในตัวกันและกัน พระเยซูเจ้าทรงย้ำว่าพระกายของพระองค์เป็น “อาหารแท้” และพระโลหิตของพระองค์เป็น “เครื่องดื่มแท้” (ข้อ 55) การกินพระกายและดื่มพระโลหิตของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทจะนำผู้มีความเชื่อมารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์อย่างใกล้ชิดสนิทสนมที่สุด อาศัยศีลมหาสนิท ผู้มีความเชื่อได้รับเชิญให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า เหมือนกับที่พระองค์และพระบิดาทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน และอาศัยความเป็นหนึ่งเดียวกันอันสนิทสนมนี้ เขาจะได้รับชีวิตนิรันดร(ข้อ 57)

          พระวาจาของพระเยซูเจ้ามีต้นกำเนิดมาจากพระคัมภีร์ของชาวอิสราเอล พระองค์ทรงเปรียบเทียบขนมปังที่บรรพบุรุษของพวกเขาเคยกิน กล่าวคืออาหารที่โมเสสหามาให้ในถิ่นทุรกันดาร กับขนมปังสวรรค์ที่พระเยซูเจ้าทรงเสนอให้ว่าเป็น “ปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์” (ข้อ 51) พระเยซูเจ้ายังทรงเปรียบเทียบงานเลี้ยงในพันธสัญญาเดิมซึ่งพระปรีชาญาณทรงเชิญให้ “กินขนมปังของเรา และดื่มเหล้าองุ่น” (สภษ 9:5) กับงานเลี้ยงที่มีพระกายและพระโลหิตของพระองค์เองเป็นอาหาร(ข้อ 54-56) เมื่อประชาชนลิ้มรสปรีชาญาณเขาจะยิ่งหิวและกระหายมากขึ้น(บสร 24:21) แต่พระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นพระปรีชาญาณของพระเจ้าผู้เสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ ทรงเสนออาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้มนุษย์ไม่หิวกระหายอีกต่อไป

          ศิษย์ของพระเยซูเจ้าคิดว่าคำสั่งสอนนี้ “ยาก” จะยอมรับได้(ข้อ 60) และหลายคน “เปลี่ยนใจ” และไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป (ข้อ 66) พระเยซูเจ้าตรัสถึง 4 ครั้งติดๆ กัน ถึงความจำเป็นต้องกินพระกายและดื่มพระโลหิตของพระองค์ คำสั่งสอนเหล่านี้ของพระเยซูเจ้าสำคัญมากจนผู้ฟังต้องตัดสินใจเลือก แต่เนื้อหนังมนุษย์ไม่อาจช่วยให้ตัดสินใจเช่นนั้นได้ (ข้อ 63) เนื่องจากพระวาจาของพระเยซูเจ้าเป็นทั้ง “จิต และชีวิต” บรรดาศิษย์จึงต้องได้รับพระจิตเจ้าก่อนจะรับพระวาจาของพระองค์ไว้ด้วยความเชื่อ เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถามอัครสาวก 12 คน ว่าเขาจะทิ้งพระองค์ไปเหมือนกันหรือไม่ ซีโมน เปโตร ตอบแทนทุกคน ทั้งนี้เพราะเขาวางใจแล้วว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น “ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” เขาจึงยอมรับได้ว่าคำสั่งสอนเรื่องศีลมหาสนิทของพระองค์เป็น “พระวาจาแห่งชีวิตนิรันดร” (ข้อ 68-69)

          การเน้นย้ำของยอห์นเรื่องการเสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ของพระคริสตเจ้า พัฒนากลายเป็นการเน้นย้ำเรื่องการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิท พระองค์ทรงเป็นพระวจนาตถ์ผู้เสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ และประทับอยู่ท่ามกลางเรา และบัดนี้ พระองค์ประทับอยู่ในพระสิริรุ่งโรจน์และประทับอยู่กับเราในศีลศักดิ์สิทธิ์ พระวจนาตถ์ของพระเจ้าผู้รับธรรมชาติมนุษย์ได้กลายเป็นศีลมหาสนิท ศีลมหาสนิทคือจุดสูงสุดของพันธกิจของพระวจนาตถ์ของพระเจ้าในโลกนี้

 

         

Meditatio (พระวาจาช่วยฉันพิจารณาตนเอง)

         

          พิจารณาข้อความเหล่านี้จากพระวรสารของยอห์น ว่าข้อความเหล่านี้ท้าทายความเชื่อของท่านในการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทอย่างไร

 

          ๐        คำเทศน์สอนของพระเยซูเจ้าเรื่องศีลมหาสนิท เน้นเรื่องการประทับอยู่ของพระเยซูคริสตเจ้า อย่างแท้จริงและอย่างมีชีวิต ในศีลมหาสนิทของพระศาสนจักร มีข้อความใดที่ยืนยันความเชื่อของข้าพเจ้าได้มากที่สุดว่า พระคริสตเจ้าทรงประทับอยู่จริง คือ ประทับอยู่ทั้งพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพ ขณะที่ข้าพเจ้ารับศีลมหาสนิท

 

          ๐        การประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท หมายความว่าพระองค์ประทับอยู่กับเราในลักษณะที่จับต้องได้ นอกเหนือจากการประทับอยู่ในความคิดและความทรงจำของเรา เราอาจมีความเชื่อน้อย ขาดความปรารถนา หรือไม่ใส่ใจ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพประทับอยู่ที่นั่นอย่างแท้จริง มีอะไรบ้างที่สามารถเพิ่มทวีความเชื่อของข้าพเจ้าว่า พระคริสตเจ้าประทับอยู่อย่างแท้จริงในศีลมหาสนิท

 

          ๐        หลังจากคำเทศน์สอนของพระเซูเจ้าเกี่ยวกับศีลมหาสนิท ศิษย์หลายคนทิ้งพระองค์และไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป เหตุใดคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าในกรณีนี้จึงยากที่บรรดาศิษย์จะรับได้(ข้อ 60) เหตุใดความเชื่อของพระศาสนจักรเกี่ยวกับการประทับอยู่อย่างแท้จริงของพระคริสตเจ้าจึงเป็นสาเหตุของความแตกแยกสำหรับคริสตชนในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา

 

Oratio(ภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อตอบสนองพระวาจาในพระคัมภีร์ที่กำลังพูดกับท่าน)

 

          ให้เราภาวนา ออกเสียงเพื่อตอบสนองพระวาจาของพระเซูเจ้าที่ท่านได้ยิน และได้นำมาไตร่ตรอง

 

          ๐        ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ทรงเชิญข้าพเจ้าให้เข้ามามีส่วนแบ่งในชีวิตของพระองค์อย่างลึกล้ำด้วยการกินพระกายของพระองค์เป็นอาหารแท้ และดื่มพระโลหิตของพระองค์เป็นเครื่องดื่มแท้ โปรดทรงบันดาลให้ข้าพเจ้าตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งมากขึ้นว่า พระองค์ประทับอยู่จริง ขณะที่ข้าพเจ้ารับศีลมหาสนิท และโปรดทรงช่วยข้าพเจ้าให้ใช้ทุกโอกาส เพื่อเข้าใกล้ชิดพระองค์ให้มากขึ้นด้วยเทอญ

 

Contemplatio (อยู่กับพระวาจา)

 

        ในพิธีกรรม ขอให้เรานิ่งเงียบสักครู่หลังรับศีลมหาสนิท

 

          บัดนี้ จงใช้เวลาอยู่เงียบๆ สักครู่ และภาวนาต่อพระเจ้าด้วยหัวใจที่กตัญญูรู้คุณ

         

          “ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา

          ก็มีชีวิตนิรันดร

          เราจะทำให้เขากลับคืนชีพในวันสุดท้าย

          เพราะเนื้อของเราเป็นอาหารแท้

          และโลหิตของเราเป็นเครื่องดื่มแท้

          ผู้ที่กินเนื้อของเรา และดื่มโลหิตของเรา

          ก็ดำรงอยู่ในเราและเราก็ดำรงอยู่ในเขา

          พระบิดาผู้ทรงชีวิตทรงส่งเรามา

          และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาฉันใด

          ผู้ที่กินเนื้อของเรา จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น” (ยน 6:54-57)

 

 

Communicatio (นำพระวาจาไปปฏิบัติ)

 

        พิจารณาว่าท่านอาจยินยอมให้พระหรรษทานแห่งการประทับอยู่ของพระคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทเปลี่ยนชีวิตของท่านได้อย่างไร

 

        ๐       พระวจนาตถ์เสด็จมารับธรรมชาติมนุษย์ เพื่อให้เรามีส่วนร่วมในธรรมชาติพระเจ้า หลังจากผ่านขั้นชำระวิญญาณ และขั้นส่องสว่างแล้ว ขั้นสุดท้ายของชีวิตจิต คือ การมีส่วนร่วมในชีวิตของพระเจ้า การรับศีลมหาสนิทอย่างสมควรจะช่วยข้าพเจ้าอย่างไร ให้บรรลุถึงเป้าหมายของชีวิตจิต โดยเปลี่ยนชีวิตของตนเองต่อไปในองค์พระคริสตเจ้า