Logo

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2016 สัปดาห์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา

หมวด: เดือนกรกฎาคม 2016
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี่
ฮิต: 983

บทอ่านจากหนังสือปฐมกาล                                               ปฐก 18:1-10
     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระองค์แก่อับราฮัมที่หมู่ต้นโอ๊กของมัมเร ขณะนั้นเป็นเวลาแดดร้อนจัด อับราฮัมกำลังนั่งอยู่ที่ประตูกระโจม เขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายสามคนยืนอยู่ใกล้ตนทันทีที่เห็น อับราฮัมก็วิ่งจากประตูกระโจมไปต้อนรับและกราบลงที่พื้นดินเขาพูดว่า “เจ้านายของข้าพเจ้า ถ้าท่านโปรดปรานข้าพเจ้า โปรดอย่าผ่านผู้รับใช้ของท่านไปเลย ข้าพเจ้าจะให้เขาเอาน้ำมาล้างเท้าให้ท่าน เชิญท่านพักใต้ต้นไม้นี้เถิด ขอให้ข้าพเจ้าไปนำอาหารมาให้ท่านสักเล็กน้อย ท่านจะได้สดชื่น มีกำลังเดินทางต่อไป ท่านมาถึงบ้านข้าพเจ้าแล้ว ขอให้ข้าพเจ้ารับใช้ท่านเถิด” เขาทั้งสามคนจึงตอบว่า “จงทำตามที่ท่านพูดนั้นเถิด”
     อับราฮัมรีบเข้าไปในกระโจมของนางซาราห์ และบอกว่า “เร็วเข้า ไปเอาแป้งละเอียดสามถังมานวดและทำขนมปังสำหรับแขกสามคนเถิด” แล้วอับราฮัมวิ่งไปที่ฝูงสัตว์ นำลูกโคอ้วนพีตัวหนึ่งให้ผู้รับใช้ฆ่า และรีบปรุงเป็นอาหาร เขาเอานมข้นเปรี้ยว น้ำนมสดและเนื้อลูกโคที่เตรียมแล้ว มาวางต่อหน้าคนทั้งสาม และยืนอยู่ใต้ต้นไม้คอยรับใช้ ขณะที่คนทั้งสามกำลังกินอาหาร
     เขาเหล่านั้นถามว่า “นางซาราห์ ภรรยาของท่านอยู่ที่ไหน” อับราฮัมตอบว่า “นางอยู่ในกระโจม” คนหนึ่งจึงพูดว่า “ปีหน้า เราจะกลับ มาหาท่านอีกอย่างแน่นอน นางซาราห์ภรรยาของท่านจะมีบุตรชายคนหนึ่ง” นางซาราห์ฟังอยู่ที่ประตูกระโจมเบื้องหลังอับราฮัม

 

เพลงสดุดี                                                                            สดด 15:2,3ก,3ข-4,5
     ก) ผู้นั้นคือผู้ที่ดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
ปฏิบัติความชอบธรรม
พูดความจริงจากใจของตน
ผู้ที่บังคับลิ้นของตนไว้ไม่ใส่ความ
     ข) ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ใส่ร้ายเพื่อนบ้าน
ผู้ที่เหยียดหยามคนเลวทราม
แต่ให้เกียรติผู้ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า
ยืนยันคำสาบานแม้จะต้องเสียหาย
     ค) ผู้ที่ให้ยืมเงินโดยไม่คิดดอกเบี้ย
ไม่รับสินบนปรักปรำผู้บริสุทธิ์
ผู้ใดประพฤติเช่นนี้จะไม่หวั่นไหวตลอดไป

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโคโลสี           คส 1:24-28
     พี่น้อง บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลายความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใดข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้าเพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักรข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้พระศาสนจักรนี้ตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้เพื่อจะได้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่ท่านอย่างสมบูรณ์นั่นคือธรรมล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคสมัยบัดนี้ธรรมล้ำลึกปรากฏชัดแจ้งแก่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แล้วพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เขาเหล่านั้นรู้ว่าธรรมล้ำลึกนี้ได้นำพระสิริรุ่งโรจน์ล้นเหลือมาให้คนต่างศาสนานั่นคือการที่พระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในท่านทรงเป็นความหวังเพื่อให้ท่านได้รับความรุ่งเรืองเราประกาศถึงพระคริสตเจ้าพระองค์นี้โดยเตือนและสอนทุกคนให้มีความรู้ทุกอย่างเพื่อให้แต่ละคนดีพร้อมเดชะพระคริสตเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                        ลก 10:38-42
     ขณะที่พระเยซูเจ้าทรงพระดำเนินพร้อมกับบรรดาศิษย์ พระองค์เสด็จเข้าไปในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง สตรีผู้หนึ่งชื่อมารธารับเสด็จพระองค์ที่บ้าน นางมีน้องสาวชื่อมารีย์ซึ่งนั่งอยู่แทบพระบาทขององค์พระผู้เป็นเจ้า คอยฟังพระวาจาของพระองค์ มารธากำลังยุ่งอยู่กับการปรนนิบัติรับใช้จึงเข้ามาทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ไม่สนพระทัยหรือที่น้องสาวปล่อยดิฉันคนเดียวให้ปรนนิบัติรับใช้ ขอพระองค์บอกเขาให้มาช่วยดิฉันบ้าง” แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “มารธามารธา เธอเป็นห่วงและวุ่นวายหลายสิ่งนัก สิ่งที่จำเป็นมีเพียงสิ่งเดียว มารีย์ได้เลือกเอาส่วนที่ดีที่สุดที่จะไม่มีใครเอาไปจากเขาได้”

 

ข้อคิด
     สตรีก็มีสิทธิ์ติดตามพระเยซูเจ้า
นางซาราห์และมารธาพยายามต้อนรับแขกอย่างดี ในฐานะที่เธอเป็นสตรีดูแลบ้าน ในสมัยพระเยซูเจ้า สตรีไม่มีสิทธิ์มานั่งฟังธรรมาจารย์ในศาลาธรรม เพราะเป็นสิทธิ์ของผู้ชาย แต่พระเยซูเจ้ายอมให้มารีย์มานั่งใกล้ๆ เธอขอสิทธิ์เพื่อมารู้ “ธรรมล้ำลึกที่ซ่อนอยู่ตลอดทุกยุคทุกสมัย” (คส 1:26) จากริมฝีปากของพระเยซูเจ้าเอง เธอขอสิทธิ์เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระเยซูเจ้า
     มารธาก็เคารพรักพระเยซูเจ้า พระองค์เรียกชื่อเธอด้วยความเมตตา อยากให้เธอทำหน้าที่ในบ้านแล้วก็ฟังพระวาจา เป็นศิษย์ใกล้ชิดพระองค์ด้วย เทียบเท่าบุรุษ