Logo

เขาเคยเป็นเด็กวิ่งข่าวให้แก็งค์มาเฟียญี่ปุ่น แต่บัดนี้กลายมาเป็นพระสงฆ์คาทอลิก

หมวด: vatican news
เขียนโดย คุณพ่อพงศ์เทพ ประมวลพร้อม
ฮิต: 372

 

• คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์ น่าจะมอบเรื่องราวที่ตนประสบมา มาแปรเปลี่ยนเป็นรายได้มอบแก่นักบวชคณะนักบุญเอากุสติน ด้วยเรื่องราวเล่าขานดุจนวนิยายในวีดีโอแพร่ภาพทางช่อง Vimeo ล่าสุด ที่จัดทำโดย Spirit Juice Studios และคณะอัศวินแห่งโคลัมบัส

คุณพ่อคัลโลเวย์หวนคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน จากผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า นักเรียนมัธยมถูกพักเรียน ผู้ติดยาเสพติด มาพระสงฆ์คาทอลิก

• ท่านเป็นลูกชายของครอบครัวทหารในกองทัพ
โดนัลด์ (ครอบครัวของท่านเรียกท่านว่า ดอนนี่) จึงต้องย้ายบ้าน จากรัฐเวอร์จิเนียไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางใต้พร้อมกับครอบครัว ขณะที่อายุได้เพียง 10 ขวบ

ท่านถูกชักชวนโดยวิถีชีวิตชาวแคลิฟอร์เนียใต้ ขณะอายุได้ 13 ปี ก็ใช้ชีวิตสนุกสนานเสเพล ซึ่งดึงท่านให้ตกต่ำลงทางด้านจิตใจจนต้องรับการบำบัด ติดคุกและคิดจะฆ่าตัวตาย

• พอบิดาท่านแจ้งข่าวในเช้าวันหนึ่งว่าต้องย้ายบ้านไปประเทศญี่ปุ่น ดอนนี่ก็กราดเกรี้ยวที่จะต้องย้ายไปดำเนินชีวิตที่นั่น

ที่ประเทศญี่ปุ่นดอนนี่ก็คบเพื่อนที่ส่งผลไปในทางที่เขาชอบ ไม่นานเพื่อนๆ เหล่านั้นก็ทำให้เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟียญี่ปุ่น ที่เรียกว่าแก๊งยากูซ่า

ท่านเล่าเรื่องราวครั้งนั้นไว้ในวีดีโอว่า

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พ่อเป็นเด็กฝรั่งตัวเล็กๆ ที่พวกเขาสามารถใส่ของลงในเป้หลังด้วยเงินและยาเสพติด และรับส่งไปยังแหล่งคาสิโนต่างๆ ในเกาะฮอนชูอันกว้างใหญ่ ซึ่งเป็นเกาะหลักของประเทศญี่ปุ่น”

• ดอนนี่เป็นที่ต้องการตัวจากรัฐบาลญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ตลอดจนกองทัพสหรัฐอเมริกาที่ตั้งอยู่ในประเทศญี่ปุ่น

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พวกเขาไล่พ่อออกนอกประเทศ มีเจ้าหน้าที่ทหาร 2 คน คุมตัวโดยใส่กุญแจมือและตรวนที่ข้อเท้า และปลดพันธนาการออกในความดูแลของบิดาของพ่อ“

• จากนั้นดอนนี่ต้องเข้าศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูชีวิต แต่ชีวิตกลับทรุดลงทันทีหลังจากปล่อยตัวจากการบำบัด

ณ จุดนี้ของชีวิต ความสุขเหลือเพียงการรู้สึกดีที่คิดได้ว่า ท่านตกต่ำลงจนไม่สามารถตกต่ำในชีวิตกว่านี้อีกแล้ว ท่านพยายามจะไม่เก็บตัวเงียบขรึม หลายครั้งก็มีโอกาสคิดว่าชีวิตมีความหมายอะไร แต่ก็วนเวียนคิดได้แค่เรื่องทำอย่างไรให้หลุดพ้นจากเรื่องร้ายเหล่านั้นและเหลือไว้เป็นแค่ประสบการณ์ ยังใม่มีอะไรคิดไปถึงเรื่องศาสนาเลย

• คืนหนึ่งขณะอายุได้ 21 ปี ดอนนี่อยู่ตามลำพังในห้องไม่มีเสียงเพลงหรือปาร์ตี้รบกวน ความคิดก็หันสู่ด้านมืดโดยคิดจะฆ่าตัวตาย ท่านพยายามจะหันเหความคิดโดยสุ่มควานหาหนังสือบนชั้นวางของพ่อแม่ และที่คว้าได้กลับเป็นเรื่องการประจักษ์มาของพระนางมารีย์ แม้ว่าแม่ของท่านจะเป็นคาทอลิกที่ศรัทธาร้อนรน แต่ท่านก็ปฏิเสธเรื่องศาสนามาตลอดตั้งนานแล้ว ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้ท่านไม่มีความรู้หรือจินตนาการว่าพระนางพรหมจารีมารีย์คือใคร แต่ท่านก็ลงมืออ่านและเหมือนปลากินเบ็ด

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“หนังสือพูดถึงสตรีที่งดงามพระนามว่ามารีย์ ผู้เป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้าและเธอสง่างามมาก งดงามมากจนทำให้เด็กๆ ที่ร้องไห้คุกเข่าลง เพราะความเป็นแม่และความน่ารักของเธอ ซึ่งทำให้ผมประทับใจหลงใหลอย่างมาก”

• ท่านเล่าต่อไปว่า

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พ่อคิดว่าพระเจ้าทรงใช้ความงามของพระนางพรหมจารีย์มารีย์มาฉวยจับพ่อไว้ และก็นับเป็นวิธีที่แจ่มมากเพราะมันได้ผล พ่ออ่านหนังสือทั้งเล่มจบในคืนนั้นเลยและนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นรากฐานการตกหลุมรักองค์พระเยซูเจ้าในเวลาต่อมา”

• ในหนังสือที่ท่านเขียน ชื่อ “ไม่หันหลังกลับไปอีก : ประจักษ์พยานต่อพระเมตตา” คุณพ่อโดนัลด์ได้เล่าว่าเกิดอะไรต่อไปตอนเช้าหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น

• เป็นครั้งแรกที่เพิ่งจะพูดประสบการณ์เรื่องศาสนากับแม่ของท่าน เพราะความลำบากใจและไม่มีความรู้ศัพท์แสงทางศาสนา ท่านพยายามที่จะบอกกับแม่ของท่านว่าได้รับประสบการณ์ทางศาสนาจริงๆ มารดาจึงเริ่มโทรไปหาพระสงฆ์ทุกองค์ที่คิดว่าน่าจะพบกับลูกชาย

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“...พระสงฆ์ไม่เข้าใจถึงสถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้ ที่ต้องการพบเวลาหกโมงครึ่งตอนเช้า โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

ในใจของพวกคุณพ่อก็คิดว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญอะไรกันนะ ถึงกับรออีกสักสองสามชั่วโมงไม่ได้?

แม่ของท่านไม่ยอมแพ้ โทรไปหาคุณพ่อคนที่สองแต่ก็ได้รับคำตอบเช่นเดิม ‘เลื่อนไปพบตอนแปดโมงครึ่งหรือเก้าโมง ไม่ได้รึ?’“

• คุณพ่อเล่าต่อว่า

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
”และขณะที่แม่กำลังกดเบอร์โทรของพระสงฆ์องค์ที่สาม พ่อก็ขัดจังหวะพูดกับแม่ว่า ‘แม่ครับ ไม่มีพระสงฆ์สักองค์เลยหรือครับ...’

เสียงของพ่อไม่ต่อเนื่องเหมือนก่อน พ่อไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าที่พ่ออยากเข้าไปเขาเรียกว่าอะไร เป็นโบสถ์หรือวัดน้อย

เรากำลังอยู่ที่กองทัพอากาศที่นอร์โฟล์ค พ่อเลยพูดว่า ‘หลังประตูบานนั้นน่าจะมีสิ่งที่พ่อได้รู้สึก สัมผัสรอพบพ่ออยู่‘“

• ท่านหวนระลึกถึงสิ่งที่บันทึกอยู่ในหนังสือ ว่าแม้ยังไม่ได้พบพระสงฆ์วันนั้นแต่กลับมีภาพนิมิตเกิดขึ้น

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“เหมือนกับพระนางเข้าใจทุกสิ่งที่พ่อพูด พระนางทอดสายตามองมาที่พ่อและกล่าวว่า ‘ใช่ ดอนนี่ จงมาวิ่งรับใช้พระเจ้า!‘“

• หลังจากนั้นไม่นานท่านก็มีโอกาสพบกับพระสงฆ์ผู้เชื้อเชิญท่านให้มาร่วมพิธีมิสซา หลังพิธีพระสงฆ์ได้มอบรูปวาดองค์พระเยซูเจ้าให้กับดอนนี่

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พ่อต้องตกใจเพราะรูปนั้น พระเยซูเจ้าทรงมองมาที่พ่อแบบบีบคั้นพ่อ พระรูปในท่าทางทรงยกพระหัตถ์อวยพร

พ่อเริ่มร้องไห้ พ่อสำนึกได้ว่านั่นเป็นความรัก และพ่อเป็นที่ต้องการของพระเจ้า”

• ท่านเล่าความหลัง

• ทีละเล็กทีละน้อยดอนนี่ได้กลายมาเป็นพระสงฆ์ ในคณะแมเรียนแห่งพระนางพรหมจารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล
(the Congregation of Marian Fathers of the Immaculate Conception of the Most Blessed Virgin Mary ....คณะนี้ก่อตั้งโดยนักบุญแม็กซิมิเลียน โกลเบ มรณสักขี....ผู้แปล)

ท่านมักจะเดินทางไปเล่าประวัติการกลับใจในการเทศน์สอนของท่าน

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พ่อมักจะบอกกับผู้คนว่า ชีวิตของพ่อเป็นการแสดงออกของพระเมตตาที่ทรงทำงานในโลก พ่อกระทำสิ่งชั่วช้าหลายอย่างและทำร้ายผู้คนมามากแต่ก็ยังมีพระเมตตามายังคนอย่างพ่อ และถ้าเรื่องนี้เป็นความจริงที่เกิดขึ้นได้ ก็แปลว่าทั่วทั้งโลกมีมหาสมุทรแห่งความเมตตารอคอยเราอยู่”

• ท่านพูดสรุป

คุณพ่อโดนัลด์ คัลโลเวย์
“พระเยซูเจ้าทรงรักคุณ และเสด็จมาเพื่อคุณ พระเจ้าทรงหลงรักคุณอย่างกับคนบ้าคลั่งไคล้ พระองค์ทรงเฝ้าฝันถึงมิตรภาพกับคุณ พระองค์ทรงหายใจเข้าออกเพื่อดวงใจของคุณ จงมอบมันให้กับพระองค์ และไว้วางใจในพระองค์”

(ตีพิมพ์ครั้งแรกใน คาทอลิกนิวส์ เอเจนซี่ 15/10/2016...)