• ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของกรุงโรม พระสันตะปาปายังทรงออกพบกับผู้เข้าเฝ้าทั่วไปประจำสัปดาห์ ที่จัตุรัสนักบุญเปโตร มีพวกเด็กๆ อิตาเลียนยืนอยู่แถวหน้า
ดังนั้นพระสันตะปาปาจึงทรงเชิญพวกเขามาขึ้นรถขับเคลื่อนกับพระองค์ไปรอบๆ จัตุรัส
• ระหว่างทางมีคนโยนถวายเสื้อฟุตบอลทีมโปรดของพระองค์ และยังทรงหยุดเสวยน้ำสมุนไพรชามาเต จากเมืองคาโค ในประเทศปารากวัย
• จากนั้นก็ทรงเริ่มสอนคำสอนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนๆ เรื่องพิธีมิสซา ทรงอธิบายภาควจนพิธีกรรม ตรัสว่านี่เป็นพระวาจาของพระเจ้าจึงมีคุณค่าควรที่เราจะต้อง
ให้ความใส่ใจรับฟังอย่างตั้งใจ
พระสันตะปาปาฟรังซิส
“กี่ครั้งแล้วที่พอมาถึงตอนอ่านบทอ่าน เราก็เริ่มคุย ‘ดูนั่นสิ ดูนี่สิ ดูหมวกที่ผู้หญิงคนนั่นใส่สิ ตลกจังเลย’ แล้วเราก็คุยกันต่อ เป็นเรื่องจริงใช่ไหม? จริง..!
เราคุยกันขณะมีการอ่านบทอ่านได้หรือ? พ่อขอถามหน่อย ได้หรือ? ไม่ได้! เพราะถ้าลูกเริ่มคุยกับคนอื่น ลูกก็ไม่ได้ฟังพระวาจาของพระเจ้า”
• พระสันตะปาปายังทรงเตือนว่าพระสงฆ์ไม่อาจจะนำเอาเนื้อความรูปแบบอื่นมาอ่านแทนพระคัมภีร์ได้ เช่น บทกวี หรือประสบการณ์การเป็นประจักษ์พยาน หรือข่าวต่างๆ
พระสันตะปาปาฟรังซิส
“บางคนพูดว่า... ‘มีข่าวใหม่’ และก็นำเอาหนังสือพิมพ์ ข่าวใหม่วันนั้นมาอ่าน ไม่ใช่แบบนี้ พระวาจาของพระเจ้าก็เป็นพระวาจาของพระเจ้า หนังสือพิมพ์เอาไปอ่านทีหลัง
ในพิธีมิสซามีการอ่านพระวาจา เป็นองค์พระเจ้าที่ตรัสกับเรา การเอาสิ่งอื่นมาทดแทนก็เป็นการลดค่าและผ่อนปรนเบี่ยงเบนการสนทนาระหว่างพระเจ้ากับประชากร
ของพระองค์ในคำภาวนา”
• พระสันตะปาปายังตรัสอีกว่าใครที่จะอ่านให้คนอื่นฟังต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูง ต้องเตรียมตัวจริงจังล่วงหน้าก่อนอ่าน
พระสันตะปาปาฟรังซิส
“คัดสรรคนอ่านที่ดี คือคนที่รู้ว่าต้องอ่านเช่นไร ไม่ใช่คนที่อ่านเสียง มุบๆ มิบๆ อยู่ในลำคอและพวกลูกก็ฟังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผู้อ่านที่ดี คือคนที่ต้องเตรียม ซักซ้อม
ก่อนพิธีมิสซาเพื่อจะอ่านได้ดีๆ”
• ก่อนจาก พระองค์ทรงเตือนว่าพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เพียงฟังด้วยหูเท่านั้นแต่ด้วยดวงใจที่เปิดรับ ด้วยวิธีนี้สิ่งที่ได้ยินก็จะเป็นแรงบันดาลใจต่อความประพฤติของผู้ฟัง