• สัตบุรุษราว 150,000 คน ร่วมอยู่ในพิธีมิสซากับพระสันตะปาปา ในกรุงย่างกุ้ง นับเป็นจำนวนที่ต้องจดจำด้วยว่ามีคาทอลิก
ในประเทศเมียนมาร์ ทั้งประเทศเพียงแค่ 800,000 คน

• พระสันตะปาปาทรงยืนอยู่บนรถขับเคลื่อนไปทั่วพื้นที่ เพื่อทรงทักทายอย่างใกล้ชิดกับผู้คน

• ประชาชนจากรัฐคะฉิ่น พื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคาทอลิก ไม่สามารถเข้ามาร่วมในพิธีได้ เนื่องจากถูกปิดล้อมให้อยู่ใจกลางสงคราม
กลางเมืองในประเทศ และใช้ชีวิตอย่างผู้ลี้ภัย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงส่งตุ๊กตาไม้รูปชนเผ่าของพวกเขามอบแด่พระสันตะปาปาในพิธีมิสซา
เป็นเครื่องหมายแทนจากผู้คน

• ในบทเทศน์พระสันตะปาปาทรงเตือนใจว่า ประชาชนมากมายในประเทศนี้ ต้องแบกบาดแผลความรุนแรงไว้บนร่างกายและวิญญาณ

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“เราคิดว่าการเยียวยาได้มาจากความโกรธและแก้แค้น แต่กระนั้นวิธีแก้แค้นก็ไม่ใช่วิถีทางของพระเยซูเจ้า”

• พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเตือนใจ งานสังคมสงเคราะห์ในท้องถิ่นและงานสังคมสงเคราะห์จากสันตะสำนักให้ช่วยแก้ปัญหาความตรึงเครียด

พระองค์ทรงขอบใจต่อพระศาสนจักรเล็กๆ ที่อยู่ในประเทศเมียนมาร์
ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย จำนวนเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซนต์ของประชากร



ในสิ่งที่พวกเขาได้ช่วยเหลือผู้คน ทุกเชื้อชาติ สีผิว ทุกศาสนา

• พระสันตะปาปาทรงตั้งพระทัยว่าจะไม่ตรัสคำว่า โรฮิงญา
เพราะจะส่งผลลบต่อชนกลุ่มน้อยนี้ และอาจก่อความเกลียดชังกันมากขึ้น

พระสันตะปาปาฟรังซิส
“พระศาสนจักรในประเทศนี้ได้ช่วยเหลือพี่น้องชาย หญิง เด็กๆ ที่นับถือศาสนาต่างๆ มากมาย หรือมีเชื้อชาติแตกต่างไปจากเรา
พระเจ้าจะทรงประทานมงกุฎแก่ความพยายามในการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการเยียวยาและหันกลับมาคืนดีกันในครอบครัว หมู่คณะ
และสังคม ที่กว้างไกลออกไปในประชาชาตินี้”

• จากนั้นเมื่อทรงจบบทเทศน์แล้ว ตัวแทนจากพื้นที่ในรัฐ 3 แห่ง ที่ประสบกับความรุนแรงอย่างหนัก ขึ้นอ่านบทภาวนาเพื่อมวลชน

“เพื่อผู้นำในประเทศเมียนมาร์ จะได้ส่งเสริมสันติภาพให้มั่นคงเข้มแข็ง และมีการคืนดีกัน อาศัยการเสวนาและความเข้าใจอันดี
เพื่อยุติความขัดแย้งในรัฐคะฉิ่น รัคฮินเน และรัฐฉาน “

• นับเป็นพิธีที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่มีเผ่าชาติพันธุ์พื้นเมืองหลายกลุ่มในประเทศเมียนมาร์มาเข้าร่วม

• บรรดาพระคาร์ดินัลชาวเอเชียมาร่วมพิธีหลายองค์ เช่น จากประเทศมาเลเซีย จีน อินเดีย และเวียดนาม