• หลังจากที่ได้ทำงานร่วมกับองค์การโลกเพื่อสุขภาพ และหน่วยงานปราบยาเสพติดและอาชญากรรมองค์การสหประชาชาติมาตลอดชีวิต
ดอกเตอร์ซานโดร คาลวานิ ได้มายังสำนักวาติกันเพื่อพูดถึงสถานการณ์ของประเทศไทย เขาจับประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัย การค้ามนุษย์
ขบวนการยาเสพติด และผลของการคอรัปชัน
ดอกเตอร์ซานโดร คาลวานิ
(หน่วยงานความสัมพันธ์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทย)
“ตรงพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ในอดีตเคยเป็นเหมือนเมืองหลวงของการทำกิจการผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการค้ามนุษย์
ทุกครอบครัวสามารถขายลูกสาวอย่างน้อยคนหนึ่งเนื่องมาจากความยากจน พวกเขาเลือกที่จะขายลูกสาวสักคนหนึ่งในครอบครัวเพื่อจะอยู่รอด
เช่นเดียวกับยาเสพติด ที่เปิดเผยออกมาก่อเกิดการรบด้วยกองกำลังติดอาวุธ ไม่ใช่เพียงแค่ยาเสพติดพื้นบ้าน แค่ฝิ่น หรือเฮโรอีนเท่านั้น
แต่เป็นยาเสพติดที่มีองค์ประกอบทางสารแอมเฟทามีน (ย้าบ้า...ผู้แปล) อันก่อเกิดแก็งค์ค้ายาเสพติด ขบวนการผลิตยาจากสารเคมี และการทำผิดรูปแบบอื่นๆ”
• ตามที่ศาสตราจารย์กล่าว บรรยากาศรุนแรงนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไป เนื่องจากมิสชันนารีหลายๆ กลุ่มในปัจจุบัน เช่น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
ท่ามกลางความช่วยเหลือของจำนวนคาทอลิกที่มองไม่เห็นอีกมาก ซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นในประเทศ
ดอกเตอร์คาลวานิเล่าว่าพระศาสนจักรที่ดำเนินไปโดยบรรดาฆราวาส ผู้มีจำนวนเพียง 0.2 เปอร์เซนต์ของประชากรในประเทศ
• เขายังเล่าต่อว่า ประชาชนชาวไทยที่ไม่ใช่คริสตชนอาจจะไม่เข้าใจคำเรียกว่า “คาทอลิก” แต่พวกเขาก็สามารถบ่งได้ว่า คาทอลิกคือใครในประเทศของเขา
ดอกเตอร์ซานโดร คาลวานิ
(หน่วยงานความสัมพันธ์นานาชาติ มหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ ประเทศไทย)
“มันแปลว่าอะไรเมื่อคนหนึ่งกำลังมองหาพวกคาทอลิก?
เมื่อพวกเขาสามารถแปลภาษาได้ พวกเขาก็เริ่มทำให้เราเข้าใจในคำนี้ว่า ‘อ๋อ..เขากำลังมองหาคนที่มีเมตตา‘ ดังนั้นคาทอลิก
จึงเป็นคำเรียกพวกคนที่มีเมตตา คนที่วางความเมตาไว้เป็นศูนย์กลางของชีวิต นั่นเป็นรูปแบบชีวิตและเป็นรูปแบบที่ทำให้ผู้ที่เห็นแล้วรู้ได้ว่าเป็นพวกคาทอลิก”
• และดังนี้ผู้ที่ไม่ใช่คริสตชนทั่วประเทศไทยได้กลับใจมามีความเชื่อในพระเจ้า เพราะพระเจ้าของชาวคาทอลิกเป็นพระเจ้าแห่งความเมตตา
ดอกเตอร์คาลวานิกล่าวว่านี่เองที่ทำไมจำนวนคริสตชนจึงน้อยมาก มันไม่ใช่เรื่องจำนวนที่สำคัญ เป็นเรื่องคุณภาพของคนต่างหาก
และกลุ่มคาทอลิกชาวไทยนี้เองที่กำลังส่องสว่างลุกไหม้อยู่