วันนี้ วันที่ 22 เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก พระสันตะปาปาฟรังซิส เองก็ได้ออกพระสมณสาส์นเกี่ยวกับการดูแลรักษาโลก บ้านที่เราอาศัยอยู่ร่วมกัน สมณสาสน์นั้นคือ ขอสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า (Laudato Si’) ทางผู้จัดทำเวบไซต์จึงขอนำบทความที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมาให้อ่านกัน
“ แล้วพระเจ้าตรัสว่า ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินโดยทั่วไป และสัตว์ต่าง ๆ ที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน “ ( ปฐก 1:26 ) วันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี โดยในปี 2554 ที่ผ่านมา องค์การสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ได้กำหนดจัดกิจกรรมฉลอง
วันสิ่งแวดล้อมโลก ณ เมืองมุมไบและเดลฮี ประเทศอินเดีย ภายใต้หัวข้อเรื่อง
และคำขวัญเป็นภาษาอังกฤษว่า “Forests : Nature at Your Service”
ส่วนประเทศไทยได้มีคำขวัญภาษาไทยว่า "ป่าไม้มีคุณ เกื้อหนุนสรรพชีวิต คิดถนอมรักษา" คำขวัญวันสิ่งแวดล้อมโลกในปีนี้ทำให้เราต้องหันมามองดูป่าไม้ในบ้านเรา เมื่อปี พ. ศ. 2504 ประเทศไทยมีป่าไม้คิดเป็นร้อยละ75 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ปี พ. ศ. 2554 หรือ 50ปี ผ่านไปประเทศของเราเหลือป่าไม้ที่เป็นธรรมชาติประมาณร้อยละ 25 ของพื้นที่ทั้งหมดของประเทศ ปีที่ผ่านมาหลายพื้นที่ในประเทศไทยประสบกับอุทกภัย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก นักวิชาการหลายคนบอกว่าเป็นผลมาจากการตัดไม้ทำลายป่า และภัยพิบัติทางธรรมชาติในหลายประเทศในโลกด้วยเช่นกัน
เมื่อพูดถึงวันคุ้มครองโลก ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนดูถึงหน้าที่ของเรามนุษย์ที่พระได้มอบหมายให้กับเรา ในการปกครองดูแลสิ่งต่าง ๆ ในโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่โลกกำลังประสบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และบ่อยครั้งมากขึ้น ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของเราทุกคน เหมือนกับ นิทานเรื่องกับดักหนู นิทานเรื่องนี้มีอยู่ว่า หนูตัวหนึ่งแอบมองลอดรอยแตกของกำแพง เพื่อดูว่าชาวนากับภรรยาของเขาแกะห่ออะไร “จะเป็นอาหารอะไรหนอ” เจ้าหนูสงสัย และมันแทบล้มทั้งยืน เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคือ ‘กับดักหนู’ มันจึงวิ่งหัวซุกหัวซุน ไปที่ทุ่งนา แล้วส่งเสียงร้องเตือน “มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “ แม่ไก่ร้องกุ๊กๆ และคุ้ยเขี่ยไปมา มันผงกหัวขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู นี่คงเป็นเรื่องเศร้าสำหรับเธอ แต่มันไม่มีผลอะไรกับฉันหรอกนะ อย่ากวนใจกันเลย” เจ้าหนูวิ่งไปหาหมูและบอกแก่มัน “ มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “ หมูเห็นอกเห็นใจ แต่ก็พูดว่า “ ฉันขอโทษนะคุณหนู แต่ฉันคงทำได้แค่สวดมนต์เท่านั้น ไม่ต้องห่วงฉันจะสวดมนต์ให้เธอด้วย” เจ้าหนูวิ่งไปหาวัว และพูดว่า “ มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! “ วัวตอบว่า “ โธ่! คุณหนู ฉันก็เสียใจด้วยนะ แต่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่” ดังนั้น เจ้าหนูจึงกลับเข้าบ้าน นอนลงและเศร้าใจเหลือเกิน ที่จะต้องเผชิญหน้ากับกับดักหนูเพียงลำพัง กลางดึกคืนนั้น เสียงๆ หนึ่งดังก้องไปทั้งบ้าน ฟังเหมือนเสียงกับดักหนูได้จับเหยื่อของมันแล้ว ภรรยาของชาวนารีบรุดไปดูว่าอะไรที่ถูกจับ ในความมืดนั้นเธอไม่เห็นว่ามีงูพิษถูกกับดักนั้นหนีบหางเอาไว้ งูกัดภรรยาของชาวนา ชาวนาจึงรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล ตอนกลับบ้านเธอมีไข้สูง ใครๆ ก็รู้ว่าเราต้องพยาบาลคนป่วยด้วยซุปไก่ ดังนั้นชาวนาจึงฆ่าไก่เพื่อเป็นวัตถุดิบหลักของซุป แต่อาการป่วยของภรรยาก็ยังไม่ดีขึ้น เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านต่างมาเยี่ยมดูใจ เพื่อเลี้ยงอาหารพวกเขา ชาวนาจึงฆ่าหมู ภรรยาของชาวนาก็ยังไม่หาย ในที่สุดเธอก็ตายลง ผู้คนมากมายต่างมางานศพของเธอ ชาวนาจึงฆ่าวัวเพื่อให้ได้เนื้อมากพอมาเลี้ยงแขก เจ้าหนูมองลอดรอยแตกของกำแพงด้วยความเสียใจสุดแสน นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกของเราเวลานี้เกี่ยวข้องกับเราทุกคน และเราทุกคนต้องมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบ ความเจริญก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม พลังงานนิวเคลียร์ เขื่อนขนาดใหญ่ การตัดไม้ทำลายป่า การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สารเคมีอันตรายต่างๆ ยาปราบศัตรูพืช มลพิษต่างๆ สารก่อมะเร็ง ที่ส่งผลต่อโลก ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ โรคภัยใข้เจ็บต่าง ๆ
สำหรับคริสตชนแล้ว เราทุกคนเป็นลูกของพระบิดา ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงสร้างนั้นพระองค์ทรงเห็นว่าดี บิดาย่อมสร้างบ้านที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่อาศัย ภัยทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบกับเรามนุษย์ ไม่ใช่เป็นการลงโทษของพระเจ้า แต่เป็นผลมาจากการกระทำของเรามนุษย์ที่ทำกับบ้านของตัวเอง พระองค์ให้เราเป็นผู้ปกครองดูแล ไม่ใช่เป็นผู้ทำลาย พระเยซูสอนให้เราสวดบทข้าแต่พระบิดา “ พระอาณาจักรจงมาถึง พระประสงค์จงสำเร็จไปในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค์ “ ให้เราได้รักและวางใจในพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ เหมือนดังในสวรรค์ ดังนั้นเราเป็นส่วนหนึ่งในสังคมโลกซึ่งส่งผลกระทบถึงกันทั้งหมด จึงต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบร่วมกันที่จะต้องทำให้โลกยิ่งวันยิ่งสวยงามขึ้น ช่วยกันปลูกต้นไม้ ช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงานที่ส่งผลต่อภาวะโลกร้อน ช่วยกันฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่เสียไป ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องร่วมโลกที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ โลกเป็นหนึ่งเดียวกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โลกก็จะยิ่งวันยิ่งน่าอยู่มากขึ้น ยิ่งวันยิ่งเป็นสวรรค์บนแผ่นดิน เราจะได้ส่งต่อโลกที่สวยงามนี้ให้แก่ลูกหลานของเราต่อไป