มีพ่อคนไหนอยากเห็นลูกของตนล้มเหลวบ้างไหม ทุกคนต่างก็อยากเห็นลูกของตนประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบิดาของเราก็เช่นเดียวกัน พระองค์ทรงสร้างเรามาก็เพื่อให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ล้มเหลว
แต่ที่เป็นปัญหาของเราวันนี้ก็คือ อะไรคือความสำเร็จ และอะไรคือความล้มเหลว ?
สำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงยากอบและยอห์นในพระวรสารวันนี้ด้วย ความสำเร็จก็คือการได้เป็นใหญ่ ได้เป็นเจ้าคนนายคน อย่างที่พระเยซูเจ้าตรัสวันนี้ว่า “ท่านทั้งหลายย่อมรู้ว่า คนต่างชาติที่คิดว่าตนเป็นหัวหน้าย่อมเป็นเจ้านายเหนือผู้อื่น และผู้เป็นใหญ่ย่อมใช้อำนาจบังคับ”
ด้วยมีความคิดอยากเป็นใหญ่เหนือคนอื่นนี่แหละ ยากอบกับยอห์นจึงเข้าไปหาพระเยซูเจ้า ไม่ใช่เพื่อขอให้ได้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระองค์ แต่เพื่อขอให้คนหนึ่งได้นั่งข้างขวา อีกคนหนึ่งได้นั่งข้างซ้ายของพระองค์
พระเยซูเจ้าจึงทรงสอนพวกเขาให้เข้าใจความหมายใหม่ของคำว่า“สำเร็จ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตจริงของพระองค์ และเป็นไปตามคำทำนายของประกาศกอิสยาห์
อิสยาห์ได้ทำนายถึงพระองค์ไว้ในบทอ่านที่หนึ่งว่า “พระยาห์เวห์พอพระทัยให้เขา(พระเยซูเจ้า)ถูกขยี้ด้วยความทุกข์ทรมาน เมื่อเขามอบตนเพื่อชดเชยบาป... พระประสงค์ของพระยาห์เวห์จะสำเร็จไปอาศัยเขา” และเมื่อเขาทำให้พระประสงค์ของพระยาห์เวห์สำเร็จแล้ว “เขาจะได้เห็นแสงสว่างและจะพอใจ” อีกทั้ง “จะนำความชอบธรรมมาให้แก่คนจำนวนมาก”
เพราะฉะนั้น สำหรับพระเยซูเจ้า ความสำเร็จก็คือการที่คนคนหนึ่งค้นพบและตระหนักถึงพระประสงค์ของพระเจ้า แล้วทำให้พระประสงค์นี้สำเร็จลุล่วงเป็นจริง
ตามความคิดของพระองค์ คนคนหนึ่งเมื่อเกิดมา ไม่ใช่นึกอยากจะเป็นอะไรก็ได้ แต่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์สำหรับเราแต่ละคนไว้ล่วงหน้าแล้ว เราไม่ได้เกิดมาเพื่อจะเขียน Job Description ให้กับตนเอง แต่พระเจ้าทรงเขียน Job Description พร้อมกับมอบคุณสมบัติที่จำเป็นทั้งทางร่างกายและทางสติปัญญาให้แก่เราแล้วตั้งแต่เกิด เพื่อเราจะได้ทำให้ Job หรือทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จเป็นจริง
ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดีก็คือกรณีของแม่พระ Job Description ที่พระเจ้าประสงค์จะให้แม่พระทำก็คือการเป็น “แม่” ของพระบุตรของพระองค์ และพระเจ้าก็ทรงเตรียมแม่พระเป็นพิเศษให้พร้อมสำหรับงานนี้ ชนิดที่ไม่มีทางที่สตรีคนใดจะ ทำได้อาศัยความพยายามและความทะเยอทะยานของตนเอง
และเพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของพระเจ้า พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับยากอบและยอห์นว่า “การจะนั่งข้างขวาหรือข้างซ้ายของเรานั้น ไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะให้ แต่สงวนไว้สำหรับผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้”
แต่ทั้งนี้คำว่า “ผู้ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้” มิได้หมายความว่าพระเจ้าทรงกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ผู้หนึ่งประสบความสำเร็จ อีกผู้หนึ่งประสบความล้มเหลว ให้คนหนึ่งไปสวรรค์ อีกคนหนึ่งไปนรก เราเรียกความคิดทำนองนี้ว่า determinism ซึ่งพระศาสนจักรไม่ยอมรับ
ส่วนความคิดที่ถูกต้องก็คือ พระเจ้าทรงเตรียมความสำเร็จไว้ให้เราทุกคนล่วงหน้าแล้ว แต่เราจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นมันขึ้นอยู่กับว่าเราจะร่วมมือกับพระหรรษทานของพระเจ้าอย่างไร พระองค์ทรงให้อิสระแก่เราว่าจะร่วมมือกับพระพระองค์หรือไม่ (predestination)
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมพระเจ้าซึ่งทรงเตรียมแม่พระไว้ล่วงหน้าแล้ว ให้เป็น “แม่” ของพระผู้ไถ่ ยังต้องส่งทูตสวรรค์ไปแจ้งข่าวเพื่อขอรับความสมัครใจจากแม่พระด้วย
และก็เป็นแม่พระนี่แหละที่เป็นตัวอย่างของผู้ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะแม่พระตอบทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า ขอให้เป็นไปกับข้าพเจ้าตามวาจาของท่านเถิด” (ลก 1:38) และแม่พระไม่ได้แค่พูด “เยส” หรือทำหน้าที่แค่ให้กำเนิดพระเยซูเจ้าเท่านั้น แต่แม่พระทรงทำหน้าที่ของแม่อย่างดีที่สุดจวบจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของพระเยซูเจ้า
และรางวัลแห่งความสำเร็จของแม่พระก็คือการได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ !
ตรงกันข้ามกับแม่พระก็คือยากอบกับยอห์น ทั้งสองเป็นตัวแทนความคิดของคนรุ่นใหม่ทุกวันนี้ ที่มองว่าตนนึกจะเป็นอะไรก็ได้ พระเจ้าไม่เกี่ยว ความคิดเช่นนี้มันทำให้เรามีความทะเยอทะยานและแข่งขันชิงดีชิงเด่นกัน
ส่วนคำสอนของพระเยซูเจ้าเรื่องความสำเร็จนั้น มันกระตุ้นให้เราแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้าและร่วมมือกัน
คำสอนนี้ยังทำให้หัวใจของเราเป็นสุขที่ได้รับรู้ว่า ทุกคนล้วนประสบความสำเร็จได้ด้วยกันทั้งนั้น เพราะพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้กับเราแต่ละคนแตกต่างกัน
ความทะเยอทะยานของเราจึงควรเป็นการค้นให้พบพระประสงค์ของพระเจ้า และดำเนินชีวิตเพื่อทำให้พระประสงค์นั้นเป็นจริง เพราะนี่คือความสำเร็จที่แท้จริง !
ตรงกันข้าม หากเราแข่งขันกันเพื่อจะบรรลุความใฝ่ฝันเดียวกัน คือทุกคนต่างก็ต้องการเป็นที่หนึ่ง นี่แหละคือความล้มเหลว และก็เป็นความล้มเหลวที่ทำให้ทั้งยากอบและยอห์นต้องมีปัญหากับบรรดาอัครสาวกที่เหลือ !
วันนี้จดหมายถึงชาวฮีบรูลงเอยว่า “ดังนั้น เราจงเข้าไปสู่พระบัลลังก์แห่งพระหรรษทานด้วยความมั่นใจเพื่อรับพระกรุณา และพบพระหรรษทานเกื้อกูลในยามที่เราต้องการ”
เพราะฉะนั้น วันนี้ ขอให้เราอย่าหลบหน้าจากพระองค์เหมือนอย่างอาดัมและเอวาหลังจากรู้ว่าทำผิด แต่ขอให้เราเข้ามาหาพระองค์เพื่อพระองค์จะได้ประทานพระหรรษทานช่วยเราให้กลับมาเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นผู้ยิ่งใหญ่แท้จริง และเป็นที่หนึ่งในดวงใจของพระองค์ ด้วยการทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่นตามพระประสงค์ของพระองค์