Logo

บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2024 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์

หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
ฮิต: 844

     วันนี้นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองว่า พระเจ้าทรงเปิดเผยธรรมล้ำลึกที่ไม่เคยเปิดเผยให้มนุษย์ในอดีตรู้ แต่บัดนี้ทรงเปิดเผยแล้ว นั่นคือคนต่างชาติได้เข้ามามีส่วนร่วมในกองมรดกเดียวกัน ร่วมเป็นกายเดียวกัน ร่วมรับพระสัญญาเดียวกันในพระเยซูเจ้า
     ที่นักบุญเปาโลกล้าพูดเช่นนี้ก็เพราะพระกุมารได้ทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่บรรดาโหราจารย์ ซึ่งเป็นคนต่างชาติ คือเป็นชาวมีเดียนซึ่งเป็นชนส่วนหนึ่งในอาณาจักรเปอร์เซีย
แม้บรรดาโหราจารย์ซึ่งเป็นคนต่างชาติและต่างศาสนาจะได้รับการเปิดเผยว่าพระกุมารทรงเป็นกษัตริย์ที่เพิ่งประสูติใหม่โดยผ่านทางดวงดาว แต่ดวงดาวก็พาพวกเขามาได้แค่กรุงเยรูซาเล็มเท่านั้น จากนั้นก็ต้องสืบถามชาวบ้านจนกระทั่งเรื่องล่วงรู้ถึงกษัตริย์เฮโรด
     พอกษัตริย์เฮโรดทราบเรื่องก็เรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ แล้วก็ได้รับการเปิดเผยโดยผ่านทางพระคัมภีร์ ว่าพระกุมารประสูติที่เมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย
แปลว่าพระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงแก่มนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็จริง แต่ว่าคนละระดับกัน ! (ดาว vs พระคัมภีร์)
เราเชื่อมั่นว่าในพระศาสนจักรคาทอลิกซึ่งมีทั้งพระคัมภีร์และศีลศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถรู้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้าได้ชัดแจ้งกว่า รักพระองค์ได้มากกว่า และเดินตามหนทางของพระองค์ได้ใกล้ชิดกว่า
กระนั้นก็ตาม ประเด็นสำคัญของพระวรสารวันนี้มิได้อยู่ที่ว่าโหราจารย์ซึ่งเป็นคนต่างศาสนา กับเราซึ่งเป็นคาทอลิก ใครจะรู้ความจริงเกี่ยวกับพระเจ้ามากกว่ากัน แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ใครได้พบพระเยซูเจ้า ใครได้นมัสการพระองค์ และใครเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ามากกว่ากัน ?
     ในพระวรสารวันนี้ กษัตริย์เฮโรดกลัวว่าพระกุมารจะเข้ามาแย่งชิงบัลลังก์ มาแย่งชิงอำนาจและอิทธิพลของตน จึงพยายามหาช่องทางจะกำจัดพระองค์ให้พ้นไปจากชีวิตของตน
ส่วนบรรดาหัวหน้าสมณะก็มัวสลวนอยู่กับหน้าที่ในพระวิหาร พวกธรรมาจารย์ก็มัวถกเถียงกันเรื่องกฎหมายจนไม่เห็นพระเยซูเจ้าอยู่ในสายตา ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพระองค์ประสูติในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย แต่พวกเขากลับ “เฉย” พระองค์จะประสูติที่ไหน และเมื่อใด ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น !
น่าเสียดาย พวกเขามาไม่ถึงพระเยซูเจ้า !
     ทุกวันนี้ คริสตชนจำนวนไม่น้อยก็ประพฤติตนเช่นเดียวกับบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ นั่นคือมัวสลวนอยู่กับธุรกิจการงานของตนจนพระเยซูเจ้าไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับชีวิตของเขา หรือบางคนก็กลัวพระเยซูเจ้าจะเข้ามามีอิทธิพลเหนือชีวิตของตนจนจะทำนี่ก็ไม่ได้ จะทำโน่นก็ไม่ได้ เหมือนกษัตริย์เฮโรดที่กลัวสูญเสียอำนาจและอิทธิพลของตนเอง
แต่พี่น้องอย่าลืมว่าไม่มีใครไปหาพระบิดาได้นอกจากผ่านทางพระเยซูเจ้า เพราะฉะนั้น “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็คือพระเยซูเจ้า” ไม่ใช่สิ่งอื่นใดทั้งสิ้น !
ตรงกันข้ามกับพวกหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ก็คือบรรดาโหราจารย์ซึ่งเป็นคนต่างศาสนาและไม่รู้จักพระคัมภีร์ แต่พวกเขาออกแรงเดินทางไกลตามดวงดาวมา กลับได้พบและนมัสการพระเยซูเจ้า พร้อมกับได้รับความยินดีอย่างยิ่ง
     นอกจากมานมัสการพระกุมารแล้ว พวกเขายังนำของขวัญมาถวายพระองค์อีกด้วย
     คนแรกนำทองคำ ซึ่งเป็นราชาแห่งโลหะและเหมาะสำหรับกษัตริย์มามอบแด่พระองค์ เพื่อบ่งบอกว่าพระองค์ประสูติมา “เพื่อเป็นกษัตริย์” เพียงแต่พระองค์ทรงปกครองด้วยความรัก ไม่ใช่ด้วยกำลังทหาร และทรงครองจิตใจมนุษย์ ไม่ใช่จากพระราชวัง แต่จากไม้กางเขน
     คนที่สองนำกำยาน ซึ่งเป็นสิ่งที่พระสงฆ์ใช้ในพิธีกรรมมาถวายพระองค์ คำ priest ที่แปลว่าพระสงฆ์นั้น มาจากภาษาละติน pontifex หมายถึง “ผู้สร้างสะพาน” แปลว่า พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดมา “เพื่อเป็นพระสงฆ์ เป็นสมณะ” หน้าที่ของพระองค์คือเปิดหนทางสู่พระเจ้า และสร้างสะพานเชื่อมระหว่างพระเจ้ากับเรามนุษย์
หากปราศจากพระองค์ หนทางสู่พระเจ้าย่อมมืดมนและถูกตัดขาด !
     คนสุดท้ายนำมดยอบ ซึ่งใช้สำหรับชโลมศพมามอบแด่พระองค์ !
     ก็แปลว่า วันนี้พระกุมารประสูติมาเพื่อเรา วันหน้าพระองค์ยังจะสิ้นพระชนม์เพื่อเราอีก พระองค์ทรงบังเกิดมาเพื่อมอบทั้งชีวิตและความตายของพระองค์แก่เรา พระองค์ทรงเป็นพระผู้ไถ่สำหรับชาวเราอย่างแท้จริง
จากของขวัญที่โหราจารย์นำมาถวาย เรารู้และมั่นใจได้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เป็นมหาสมณะสูงสุด และเป็นพระผู้ไถ่ของชาวเราทุกคน
     เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจะเป็นเหมือนเฮโรดที่พร้อมจะกำจัดพระเยซูเจ้าออกไปจากชีวิตของเรา หรือจะเป็นเหมือนมหาสมณะที่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับธุรกิจการงานจนไม่เห็นพระเยซูเจ้าอยู่ในสายตา หรือจะเป็นเหมือนโหราจารย์ที่มุ่งมั่นมาพบพระเยซูเจ้า และกลับไปพร้อมกับความชื่นชมยินดีในชีวิต ก็เลือกเอา