พ่อเคยได้ยินคนพูดว่า เขาชอบวัดที่มิสซาสั้น เทศน์สั้น เรียกว่ายิ่งสั้นยิ่งดี
อันที่จริง พระสงฆ์ผู้เทศน์อย่างพ่อก็มีส่วนทำให้พี่น้องรู้สึกเบื่อและไม่อยากฟังพระวาจาของพระเจ้า แต่พระวรสารวันนี้เน้นที่ผู้ฟังเป็นหลัก
พระเยซูเจ้าทรงเปรียบพระวาจาของพระเจ้าเป็นเมล็ดพืชที่หว่านลงบนดินสี่ประเภท ประเภทแรกเป็นดินริมทางเดิน ประเภทที่สองเป็นดินบนพื้นหิน ประเภทที่สามเป็นดินในพงหนาม และประเภทที่สี่เป็นดินดี แต่ละประเภทก็เป็นตัวแทนของผู้ฟังพระวาจาประเภทต่างๆ
วันนี้ คำถามที่เราต้องถามตนเองและตอบให้ได้ก็คือ เราเป็นดินประเภทไหน?
เราเป็นเหมือนดินริมทางเดินที่พระวาจาไม่มีโอกาสแม้แต่จะหยั่งรากลงในจิตใจของเรา หรือเราเป็นเหมือนดินบนพื้นหินที่พระวาจามีโอกาสเจริญเติบโตแต่ก็ไม่มีรากหยั่งลึก หรือเราเป็นดินที่อยู่ในพุ่มหนามที่ถูกความวุ่นวายทางโลกดูดน้ำเลี้ยงไปจนพระวาจาเหี่ยวเฉาไม่เกิดผล หรือเราเป็นดินดีที่เกิดผลไม่ว่าจะร้อยเท่า หกสิบเท่า หรือสามสิบเท่าก็ตาม
แต่ไม่ว่าพี่น้องจะคิดว่าตนเป็นดินประเภทใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่พี่น้องต้องระลึกอยู่เสมอก็คือ ดินมันเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงตัวเราเองได้
เพราะฉะนั้น คำถามที่ตามมาก็คือ เราจะเปลี่ยนแปลงตัวเรา เราจะปรับปรุงท่าทีและจิตใจของเราอย่างไร เพื่อให้พระวาจาของพระเจ้าบังเกิดผลในชีวิตของเราอย่างอุดมสมบูรณ์?
ในอุปมาวันนี้ สิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างผู้ที่ฟังพระวาจาแล้วบังเกิดผลกับผู้ที่ฟังแล้วไม่เกิดผลก็คือ “ความเข้าใจ” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เมื่อคนหนึ่งฟังพระวาจาเรื่องพระอาณาจักรและไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาและถอนสิ่งที่หว่านลงในใจของเขาไปเสีย ส่วนเมล็ดที่หว่านลงในดินดี หมายถึงบุคคลที่ฟังพระวาจาและเข้าใจ จึงเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง”
ส่วนเหตุผลที่ทำให้เราไม่เข้าใจ ไม่ใช่เพราะพระวาจาเป็นอุปมาหรือเป็นธรรมล้ำลึก และก็ไม่ใช่เพราะเราเรียนมาน้อย แต่พระเยซูเจ้าบอกเราในพระวรสารวันนี้ว่าเป็นเพราะ “จิตใจของเราแข็งกระด้าง เราทำหูทวนลมและปิดตาเพื่อจะไม่ต้องมองด้วยตา ไม่ต้องฟังด้วยหู จะได้ไม่เข้าใจ จะได้ไม่ต้องกลับใจ” พูดง่ายๆ ก็คือเพราะเราดื้อรั้นเอง
เพราะฉะนั้นการอ้างว่าชีวิตของเราไม่บังเกิดผลเพราะเราฟังพระวาจาแล้วไม่เข้าใจ จึงเป็นเพียงเหรียญด้านเดียว เหรียญอีกด้านหนึ่งเป็นเพราะตัวเราเองดื้อรั้นไม่ยอมกลับใจ ไม่ยอมรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา และไม่ยอมปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
พระเยซูเจ้าบอกเราในพระวรสารนักบุญยอห์นว่า ผู้ที่ต้องการทำตามพระประสงค์ของพระองค์ก็จะรู้จักคำสอนของพระองค์ รู้ว่าคำสอนของพระองค์มาจากพระเจ้า (ยน 7:17)
เพราะฉะนั้น วันนี้ให้เราตั้งใจที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะได้เข้าใจพระวาจาของพระองค์ และชีวิตของเราจะได้บังเกิดผล ดังที่พระองค์ตรัสในบทอ่านที่หนึ่งว่า “ฝนและหิมะลงมาจากท้องฟ้า และไม่กลับไปที่นั่นถ้าไม่ได้รดแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินอุดมฉันใด ถ้อยคำที่ออกจากปากของเรา จะไม่กลับมาหาเราโดยไม่เกิดผลฉันนั้น”
พี่น้องครับ อีกประเด็นหนึ่งที่เราพึงต้องฟังและไตร่ตรองให้เข้าใจ แล้วก็นำไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วยก็คือคำเตือนของนักบุญเปาโลในบทอ่านที่สองที่ว่า “สรรพสิ่งกำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดราวกับสตรีคลอดบุตร”
ที่ผ่านมา พี่น้องคงได้สัมผัสกับฝุ่นพิษ และอากาศที่แต่ละปีก็ร้อนขึ้นทุกที รวมถึงได้ยินได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับภัยพิบัติต่างๆ ทั่วโลก
นักบุญเปาโลบอกว่าภัยพิบัติต่างๆ เหล่านี้คือเสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของบรรดาสิ่งสร้างทั้งหลาย อันเป็นผลมาจากความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมของเรามนุษย์มันลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ นั่นเอง
จริงอยู่ เพลงสดุดีที่ 115 ข้อ 16 บอกว่า “สวรรค์เป็นของพระเจ้า แต่แผ่นดินพระองค์ประทานแก่มวลมนุษย์” เราก็เลยทึกทักเอาว่าพระเจ้าทรงมอบสิทธิ์ให้เราครอบครองและใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ ซึ่งไม่ใช่เลย
สิ่งที่ใช่ และถูกต้องก็คือพระองค์ทรงวางใจมอบแผ่นดินโลกให้เรามนุษย์ช่วยกันดูแลเอาใจใส่
พระคัมภีร์บอกเราในหนังสือปฐมกาลว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างมาดี ทุกวันนี้พระองค์ก็ยังทรงต้องการให้เรารักษาสิ่งสร้างเหล่านี้ให้คงไว้ และทำให้ดียิ่งขึ้น งดงามยิ่งขึ้น เพื่อลูกหลานในอนาคตของเราด้วย
นักบุญเปาโลบอกอีกว่า “สรรพสิ่งยังมีความหวังว่า จะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลาย” ซึ่งความหวังนี้จะเป็นจริงได้ก็โดยอาศัยพวกเราแต่ละคนนี่แหละ
เพราะฉะนั้น ในมิสซาวันนี้ นอกจากเราจะวอนขอพระเยซูเจ้า โปรดให้เราเข้าใจและน้อมรับพระวาจาของพระองค์แล้ว ให้เราวอนขอพระองค์โปรดให้เราตั้งใจแน่วแน่ว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไป เราจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้นด้วยการดำเนินชีวิตตามหลัก 3Rs ซึ่งได้แก่
Reduce คือให้เราลดการใช้สิ่งของที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง อย่างเช่น ถุงพลาสติก เป็นต้น
Reuse คืออะไรที่เราใช้ซ้ำได้ก็พยายามใช้ ไม่ใช่ใช้ทรัพยากรอย่างสิ้นเปลือง
Recycle คืออะไรที่เราใช้ซ้ำไม่ได้ ก็นำกลับมารีไซเคิล จะได้ช่วยกันลดการผลาญทรัพยากรธรรมชาติโดยไม่จำเป็น
แล้วก็อย่าลืมนะครับว่าข่าวดีของพระเยซูเจ้า มิได้มีไว้เพื่อมนุษย์เท่านั้น แต่มีไว้เพื่อสิ่งสร้างทั้งมวลซึ่งกำลังรอคอยการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลายโดยเราพี่น้องทุกคน