พี่น้องครับ พระเยซูเจ้าตรัสว่า “แอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา” มีท่านใดไหมครับที่เชื่อว่า แอกของพระองค์อ่อนนุ่มและภาระที่พระองค์ให้เราแบกก็เบา ?
ยิ่งวันนี้นักบุญเปาโลบอกเราในบทอ่านที่สองว่า ถ้าเราดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ เราก็จะตาย แต่ถ้าเรากำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ด้วยเดชะพระจิตเจ้า เราก็จะมีชีวิต
ฟังแล้วยิ่งเหนื่อย ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะดูเหมือนแอกของพระเยซูเจ้าจะไม่เพียงหนักเท่านั้น แต่ยังกดดันเราแต่ละคนอีกด้วย
แล้วอยู่ๆ วันนี้พระองค์กลับเชิญชวนเราในพระวรสารว่า “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน”
และพระองค์ไม่เพียงสัญญาลอยๆ ว่าจะให้เราได้พักผ่อนเท่านั้นนะครับ แต่ยังทรงบอกวิธีการให้เราด้วย พระองค์ตรัสว่า “จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน”
นั่นก็คือ ให้เราเลิกแบกแอกอื่นๆ แล้วหันมาเป็นศิษย์ของพระองค์ มาแบกแอกของพระองค์ !
เหตุผลเป็นเพราะว่าพระองค์มีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน ดังที่ประกาศกเศคารียาห์ได้ทำนายไว้ 520 ปีก่อนหน้าในบทอ่านที่หนึ่งว่า “ดูซิ กษัตริย์ของท่านกำลังเสด็จมาหาท่าน ทรงถ่อมพระองค์และประทับบนหลังลา บนหลังลาตัวน้อย”
ในเมื่อพระองค์ทรงสุภาพและถ่อมตน เราจึงไม่ต้องกลัวว่าพระองค์จะหลอกใช้เราเป็นเครื่องมือเพื่อไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น เหมือนอย่างที่ผู้มีอำนาจทางโลกนิยมใช้กัน
และเมื่อพระองค์บอกให้เราเลิกแบกแอกอื่นๆ แล้วหันมาแบกแอกของพระองค์ก็เพราะพระองค์ต้องการให้เราโยนภาระหนักอันเกิดจากการแบกแอกอื่นๆ ทิ้งไป แอกพวกนี้ก็ได้แก่การดิ้นรนตอบสนองความต้องการต่างๆ ตามธรรมชาติฝ่ายต่ำของเรา หรือดิ้นรนตอบสนองข้อเรียกร้องต่างๆ ของอัตตา ของตัณหาของเราซึ่งไม่มีวันสิ้นสุด ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เราหนักและเหนื่อยจริงๆ แล้วให้เรารับเอาแอกของพระองค์มาแบกแทนเพราะ “แอกของพระองค์อ่อนนุ่มและภาระที่พระองค์ให้เราแบกก็เบา”
ทำไมแอกของพระองค์จึงเบาล่ะ ?
ปกติชาวยิวใช้โคคู่สำหรับไถนา แอกจึงเป็นแอกคู่ ด้วยเหตุนี้แอกของพระองค์จึงเบาเพราะเราไม่ได้แบกตามลำพัง แต่เรามีคู่แบก และคู่แบกของเราก็คือพระเยซูเจ้า และอันที่จริงแอกนั้นเป็นของพระองค์ เพราะพระองค์ตรัสว่า “จงรับแอกของเราแบกไว้” นั่นก็คือเป็นพระองค์เองที่ทรงเชิญชวนเราให้แบกแอกร่วมกับพระองค์
ถ้าต้องการรู้ว่าการแบกแอกร่วมกับพระเยซูเจ้าคืออะไร ก็ให้เราดูที่โคคู่เวลาไถนา มันต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เดินเคียงคู่กัน มุ่งหน้าไปทางเดียวกันและพร้อมกัน
เพราะฉะนั้น การแบกแอกร่วมกับพระเยซูเจ้าก็คือ การทำตัวเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
- ทำให้เป้าหมายชีวิตของเราสัมพันธ์ สอดคล้อง และเป็นหนึ่งเดียวกับเป้าหมายของพระองค์
- ทำวิสัยทัศน์ของเราให้สัมพันธ์ สอดคล้อง และเป็นหนึ่งเดียวกับวิสัยทัศน์ของพระองค์
- ทำภารกิจของเราให้สัมพันธ์ สอดคล้อง และเป็นหนึ่งเดียวกับภารกิจของพระองค์
และที่สำคัญ เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า เราไม่ได้แบกแอกตามลำพังและโดยพละกำลังของเราเอง แต่เราแบกพร้อมกับพระเยซูเจ้าและโดยพละกำลังซึ่งมาจากพระองค์
พระองค์ไม่ได้เป็นเหมือนครูที่คอยให้แต่การบ้านเท่านั้น แต่พระองค์ยังเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเราทำการบ้านอีกด้วย
มีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งฝันว่ากำลังเดินเล่นกับพระเยซูเจ้าที่ชายหาดแห่งหนึ่ง ทั้งสองพูดคุยกันถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ในอดีต ชายผู้นั้นสังเกตว่ามีรอยเท้าสองคู่บนพื้นทราย คู่หนึ่งเป็นของเขา อีกคู่หนึ่งเป็นของพระเยซูเจ้า แต่เขารู้สึกว่าทุกครั้งที่เขาประสบกับความยากลำบากในชีวิตและต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เขากลับเห็นรอยเท้าเพียงคู่เดียว เขาจึงถามพระเยซูเจ้าว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสว่าเมื่อข้าพเจ้าตัดสินใจติดตามพระองค์ พระองค์จะอยู่เคียงข้างข้าพเจ้า แล้วทำไมช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าตกระกำลำบากและต้องการพระองค์ พระองค์กลับทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า?” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ลูกเอ๋ย เรารักลูกและไม่เคยทอดทิ้งลูกเลย ช่วงเวลาที่ลูกยากลำบากและเห็นรอยเท้าเพียงคู่เดียวนั้น นั่นเป็นเวลาที่เรากำลังแบกลูกอยู่”
แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล่า แต่พี่น้องก็คงตระหนักเหมือนกันทุกคนนะครับว่า หัวจิตหัวใจของพระเยซูเจ้าเป็นแบบนี้จริงๆ
เพราะฉะนั้น เราต้องระลึกอยู่เสมอว่า เราไม่ได้แบกแอกตามลำพัง เป็นพระเยซูเจ้าเองที่กำลังช่วยเราแบก และพระองค์กำลังเชิญชวนเราให้แบกแอกร่วมกับพระองค์ แบกพร้อมกับพระองค์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเริ่มต้นวันใหม่ทุกๆ วัน ให้เราภาวนาดังนี้ “พระเยซูเจ้าข้า โปรดช่วยลูกให้ระลึกอยู่เสมอว่า ไม่มีปัญหาใดที่ลูกจะต้องเผชิญวันนี้ ที่พระองค์และลูกไม่สามารถจัดการได้”
และโดยวิธีนี้แหละ แอกของเราก็จะอ่อนนุ่ม และภาระที่เราแบกก็จะเบา !
เพราะฉะนั้น อย่าลืมนะครับ ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก เชิญมาพบพระองค์เถิด พระองค์จะให้เราได้พักผ่อน