Logo

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม 2023 สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
ฮิต: 692

     พี่น้องคงจำอุปมาหลายเรื่องที่พระเยซูเจ้าตรัสเกี่ยวกับนายที่ออกเดินทางไกล แล้วมอบทรัพย์สินและผลประโยชน์ให้ผู้รับใช้คอยดูแล อย่างเช่นเรื่อง คนเช่าสวนชั่วร้าย พระองค์ตรัสว่า “คหบดีผู้หนึ่งปลูกองุ่นไว้สวนหนึ่ง ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ออกเดินทางไปต่างเมือง” ส่วนเรื่องเงินตะลันต์ พระองค์ก็ตรัสว่า “บุรุษผู้หนึ่งกำลังจะเดินทางไกล เรียกผู้รับใช้มามอบทรัพย์สินให้ ให้คนที่หนึ่งห้าตะลันต์ ให้คนที่สองสองตะลันต์ ให้คนที่สามหนึ่งตะลันต์ ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วจึงออกเดินทางไป”
     วันนี้นายของเราคือพระเยซูเจ้า พระองค์เดินทางไกลไปสู่สวรรค์ พระองค์ทรงมอบพระศาสนจักรบนโลกนี้ รวมทั้งชีวิตของเราเองให้เราแต่ละคนดูแล
คำถามสำหรับเราแต่ละคนก็คือ เราอยากเป็นเหมือนคนที่ได้ห้าตะลันต์ หรือเหมือนคนที่ได้หนึ่งตะลันต์ดีล่ะ ?
ถ้าเราอยากเป็นเหมือนคนที่ได้ห้าตะลันต์ก็ต้องถามต่อว่า ที่ผ่านมา เราอุทิศตนให้กับพระเยซูเจ้า เราอุทิศตนให้กับพระศาสนจักร เราอุทิศตนให้กับการเตรียมตัวของเราเองสำหรับชีวิตในโลกหน้า ซึ่งพระองค์ทรงนำทางเราไปแล้วในวันนี้ มากน้อยเพียงใด ?
     หากที่ผ่านมาเรามัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับโลกนี้ อยู่กับการกักตัว จนลืมภารกิจที่พระองค์ทรงมอบหมายให้ อีกทั้งไม่สนใจที่จะเตรียมตัวสำหรับชีวิตในโลกหน้า วันนี้ในบทอ่านที่สองซึ่งคัดมาจากจดหมายถึงชาวเอเฟซัส นักบุญเปาโลทั้งเตือน ทั้งวอนขอ เพื่อเราดังนี้
     “ขอพระเจ้าแห่งพระเยซูคริสต์ พระบิดาผู้ทรงพระสิริรุ่งโรจน์...โปรดให้ตาแห่งใจของท่านสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกท่านให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด”
เพื่อจะเข้าใจคำเตือนและคำวอนขอของนักบุญเปาโลที่ยกมานี้ มีคำถามให้เราไตร่ตรอง 3 คำถามด้วยกัน
คำถามแรก เรารู้จักตนเองไหม?
     เพื่อจะรู้จักตัวเราเองก็มีอยู่ 3 ทางด้วยกัน ทางแรกก็คือดูว่าเรามองตัวเราเองอย่างไร ทางที่สองก็ดูว่าคนอื่นเขามองเราอย่างไร และทางที่สามก็คือดูว่าพระเจ้าทรงมองเราอย่างไร
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทางที่สามนี่แหละครับ คือดูว่าพระเจ้าทรงมองเราอย่างไร เราอาจจะมองตัวเราเองเป็นคนดี เป็นคนเก่ง คนอื่นอาจจะมองเราเป็นคนชั่ว ไม่เอาถ่าน แต่อย่าลืมว่าเมื่อรับศีลล้างบาป พระเจ้าทรงมองเราเป็นบุตรของพระองค์ เพราะฉะนั้น นักบุญเปาโลจึงวอนขอเพื่อเราว่า “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้มีความหวังประการใด”
ก็ในเมื่อพระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นบุตรของพระองค์ ความหวังของเรามันช่างยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์จริงๆ !
มาถึงตรงนี้ พี่น้องคงรู้จักตนเองมากขึ้นนะครับว่า ใครจะว่าเราอย่างไรก็ตาม เราเป็นบุตรของพระเจ้า
     คำถามที่สอง นอกจากรู้จักตัวเราเองแล้ว เรารู้จักคุณค่าของทรัพย์สินและของสิ่งของต่างๆ ที่เรามีอยู่ในครอบครองหรือไม่?
แน่นอนว่าเรารู้คุณค่าและก็พยายามแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุด มีคุณค่ามากที่สุดมาไว้ในครอบครอง เราอยากได้บ้านที่ดีที่สุด เราอยากได้รถยนต์ ได้โทรศัพท์มือถือ และอยากได้ทุกสิ่งที่ดีที่สุด แต่พี่น้องอย่าลืมนะครับว่า สิ่งที่ดีที่สุดนั้นพระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราแล้ว หากพี่น้องยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก็ขอให้ฟังคำวอนขอของนักบุญเปาโลอีกครั้งหนึ่ง “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่าความรุ่งเรืองที่บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร”
จากคำวอนขอนี้ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราก็คือ สวรรค์อันรุ่งเรืองบริบูรณ์ที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เรานั่นเอง
     อย่างไรก็ตาม ทั้งๆ ที่รู้จักตัวเองว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และรู้ว่าพระเจ้าทรงเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดไว้ให้แล้ว คำถามสุดท้ายก็คือ เรากล้ามั้ย เมื่อหันไปมองสถานการณ์รอบด้านทุกวันนี้ เรารู้สึกอย่างไร กล้า หรือกลัว?
     ช่วงนี้เราได้ยิน ได้ฟัง ได้ประสบแต่เรื่องร้ายๆ ไหนจะไวรัสโควิดแพร่ระบาดไปทั่วโลก ไหนจะภัยพิบัติตามธรรมชาติเช่นพายุไซโคลนอำพันที่ถล่มอินเดียและบังกลาเทศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ไหนโลกจะร้อนขึ้นทุกวัน หรือในบ้านเรา ฝนมาน้ำก็ท่วม ฝนหยุดน้ำก็แล้ง หรือจะเป็นภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นมาเอง ทั้งสงคราม ทั้งอาชญากรรม ทั้งหลอก ทั้งโกงไม่เว้นแต่ละวัน ไหนรายได้กับค่าครองชีพจะพุ่งสวนทางกัน ไหนลูกหลานของเราจะยิ่งวันยิ่งพูดกันไม่รู้เรื่อง ดูเหมือนทุกสิ่งจะเลวร้ายลงทุกวัน
หากเรารู้สึกกลัว รู้สึกท้อใจ ขอให้ฟังคำวอนขอของนักบุญเปาโลอีกครั้งหนึ่ง “ขอพระเจ้าพระบิดา...โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อจะรู้ว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด”
     ในเมื่อพระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้าอยู่กับเรา เรายังจะต้องกลัวหรือท้อแท้ใจอีกทำไมเล่า !
     พี่น้องครับ เรารู้อนาคตที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราแล้ว เรารู้ว่าพระอานุภาพที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เราผู้มีความเชื่อนั้นยิ่งใหญ่ สามารถช่วยเราคลี่คลายปัญหาต่างๆ เอาชนะอุปสรรค และจัดการกับทุกสถานการณ์ในชีวิตของเราได้แล้ว เรายังจะปล่อยให้พระเยซูเจ้ากลับมาพบเราเป็นผู้รับใช้ที่ไม่เตรียมพร้อม หรือยังจะเอาตะลันต์ที่พระองค์ประทานให้ไปฝังดินอยู่อีกหรือ?
     ขอพระเยซูเจ้าผู้เสด็จสู่สวรรค์ซึ่งเราร่วมใจกันสมโภชวันนี้ โปรดให้ตาแห่งใจของเราสว่างขึ้น เพื่อเราจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงเรียกเราให้มีความหวังประการใด และความรุ่งเรืองที่เราจะได้รับเป็นมรดกนั้นบริบูรณ์เพียงไร อีกทั้งรู้ด้วยว่า พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ต่อเราผู้มีความเชื่อนั้นลำเลิศเพียงใด และขอพระองค์โปรดให้เราเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์และติดตามพระองค์ทุกวันตลอดชีวิตนี้ และตลอดกาลด้วยเทอญ