Logo

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2023 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลปัสกา

หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
ฮิต: 514

     ก่อนพระเยซูเจ้าจะจากโลกนี้ไป พระองค์ทรงสัญญาจะส่งผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งคือพระจิตเจ้ามาให้เรา พระองค์ตรัสว่า “เราจะวอนขอพระบิดา แล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป คือพระจิตแห่งความจริง” (ยน 14:16-17)
     คำว่า “ผู้ช่วยเหลือ” นี้ตรงกับภาษากรีก Paracletos (พาราเคลตอส) ซึ่งหมายความได้หลายอย่าง เช่นหมายถึงทนาย หมายถึงผู้ที่คอยปลอยโยนให้กำลังใจ หมายถึงที่ปรึกษา หรือหมายถึงผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือผู้อื่นก็ได้ แต่คำแปลที่น่าจะเหมาะสมที่สุดก็คือ “โคช”
เพราะอะไร?
     เพราะพระจิตเจ้าจะทรงทำหน้าที่เป็นเสมือนโคชของเรา พี่น้องลองนึกถึงโคชกีฬาที่พี่น้องชื่นชอบเทียบดูสิ พระจิตเจ้าจะทรงอยู่เคียงข้างเราเหมือนโคชยืนอยู่เคียงข้างสนาม พระจิตเจ้าจะคอยสอนและแก้ไขเมื่อเราทำไม่ถูกต้องเหมือนโคชกระทำทั้งก่อนแข่ง กำลังแข่ง และหลังแข่ง พระจิตเจ้าจะคอยให้กำลังใจเราและกระตุ้นเราเมื่อเราท้อแท้ถดถอย พระองค์จะคอยสร้างแรงบันดาลใจให้เราเพื่อให้เราดึงเอาความสามารถที่มีอยู่ในตัวออกมาให้หมด อีกทั้งคอยปกป้องและคัดค้านหากผู้ตัดสินไม่แฟร์กับเราที่เราเรียกว่า Challeng นี่แหละ
     กล่าวโดยย่อ พระจิตเจ้ามีความหมายกับเรา เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงมีความหมายกับบรรดาอัครสาวกเมื่อสองพันปีก่อน
นักกีฬาต้องการโคชฉันใด เราก็ต้องการพระจิตเจ้าฉันนั้น ปราศจากพระองค์เราก็โอนเอียงที่จะทำแต่ความผิดพลาด
ในศตวรรษที่ 5 มีนักคิดชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อ Pelagius (เปลายีอุส) เขาสอนว่า มนุษย์มีความสามารถตามธรรมชาติอยู่แล้วที่จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าโดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือใดๆ จากพระเจ้า แต่พระศาสนจักรตัดสินว่าคำสอนนี้ผิดและยืนยันว่าเรามนุษย์ต้องการพระหรรษทานและความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่เสมอ
     ทุกวันนี้ มีผู้คนจำนวนมากที่ดำเนินชีวิตโดยไม่พึ่งความช่วยเหลือจากพระเจ้าเหมือนกับ Pelagius ทั้งๆ ที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขาด้วยซ้ำไป
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าจึงทรงเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เราจะต้องมีพระจิตเจ้า ซึ่งพระองค์จะวอนขอพระบิดาโปรดประทานแก่เราเพื่อให้อยู่กับเราตลอดไป โดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องรักพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา เราจะวอนขอพระบิดา แล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่านเพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป”
     เท่ากับว่าหากเรารักพระเยซูเจ้า พระองค์จะวอนขอพระบิดาโปรดประทานพระจิตให้แก่เรา เพื่อจะได้อยู่เป็นโคชให้เราตลอดไป
และเครื่องพิสูจน์เพียงหนึ่งเดียวว่าเรารักพระเยซูเจ้าจริงก็คือนบนอบเชื่อฟังพระองค์โดยปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “ผู้ที่มีบทบัญญัติของเราและปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา”
พี่น้องรู้ไหม ผลของการรักและนบนอบเชื่อฟังพระเยซูเจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก เพราะพระองค์ตรัสว่า “พระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขาและจะแสดงตนแก่เขา”
     ความหมายของพระเยซูเจ้าก็คือ ผู้ที่นบนอบเชื่อฟังพระองค์จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด เพราะพระบิดาจะทรงรักเขา ในเมื่อพระบิดาทรงรักและเป็นมิตรกับเขา เขาจึงไม่ต้องหวั่นกลัวสิ่งใดอีกแม้แต่ในวันพิพากษา
นอกจากความมั่นคงปลอดภัยสูงสุดแล้ว พระเยซูเจ้ายังจะแสดงตนแก่เขา ซึ่งจะทำให้เขาสนิทสัมพันธ์กับพระองค์ และยิ่งสนิทสัมพันธ์กับพระองค์มากเท่าใด เขาก็จะยิ่งรู้จักและรักพระองค์มากขึ้นเท่านั้น
     พี่น้องครับ หากเรารู้จักและรักพระเยซูเจ้ามากเท่าไร เราก็ยิ่งพร้อมที่จะให้คำอธิบายแก่ทุกคนที่ต้องการรู้เหตุผลแห่งความหวังของเรา ดังที่นักบุญเปโตรกำชับเราในบทอ่านที่สองวันนี้ (1 ปต 3:15)
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ก็โดยอาศัยพระจิตเจ้า โคชส่วนตัวของเราแต่ละคนนั่นเอง !
     ก่อนเสด็จสู่สวรรค์ พระเยซูเจ้าตรัสสั่งบรรดาศิษย์ว่า “อย่าออกจากกรุงเยรูซาเล็ม แต่จงคอยรับพระพรที่พระบิดาทรงสัญญาไว้ ยอห์นทำพิธีล้างด้วยน้ำ แต่ภายในไม่กี่วัน ท่านจะได้รับพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า” (กจ 1:4-5)
บรรดาศิษย์เชื่อฟังพระองค์ หนังสือกิจการอัครสาวกเล่าว่า “พวกเขากลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ไปยังห้องชั้นบนซึ่งเคยเป็นที่พักของเขา ทุกคนร่วมกันอธิษฐานภาวนาสม่ำเสมอเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พร้อมกับบรรดาสตรี รวมทั้งมารีย์พระมารดาของพระเยซูเจ้าและพี่น้องของพระองค์” (กจ 1:12-14)
     พี่น้องครับ วันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ เป็นวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ หลังจากวันสมโภชนี้จนถึงวันสมโภชพระจิตเจ้า ขอให้เราถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่จะสวดภาวนาและเตรียมตัวรับพระจิตเจ้าเหมือนอย่างพระแม่มารีย์และบรรดาอัครสาวกได้กระทำกัน เพราะทุกวันนี้เราต้องการพระจิตเจ้าเหมือนอย่างที่พวกท่านเหล่านั้นต้องการเมื่อสองพันปีก่อน