พี่น้องคงได้ยินโปรไฟไหม้ของบริษัททัวร์เพื่อสู้กับวิกฤติไวรัสแพร่ระบาดแล้ว และอันที่จริงทุกวันนี้ ตื่นขึ้นมาเราก็เห็นโฆษณาต่างๆ เต็มไปหมด แต่ละโฆษณาต่างก็พยายามนำเสนอสินค้าและบริการของตนให้ดึงดูดผู้ชมจนอยากซื้อสินค้าหรือบริการของพวกเขา
สมมุติว่าวัดของเราพาดหัวโฆษณาว่า “จงเข้ามามีส่วนร่วมทนทุกข์ทรมานกับข้าพเจ้าเพื่อข่าวดี” พี่น้องจะรู้สึกอย่างไร? มีใครสนใจจะสมัครบ้างไหม?
แต่นี่คือสิ่งที่นักบุญเปาโลเชิญชวนทิโมธีอย่างนี้จริงๆ ดังที่เราได้ฟังในบทอ่านที่สองและทิโมธีก็ตอบรับคำเชิญนี้เสียด้วย
พี่น้องคิดไหมว่า ทำไมทิโมธีจึงตอบรับคำเชิญชวนนี้ และที่สำคัญ ทำไมวันนี้เราจึงควรตอบรับคำเชิญชวนนี้ด้วยเช่นกัน
คำตอบง่ายๆ ก็คือ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะนำเราไปเฝ้าพระบิดา ไปสู่ชีวิตนิรันดรหรือไปสู่ความรอดพ้นได้
จริงอยู่มีหนทางอื่น แต่ไม่ใช่หนทางที่จะนำเราไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” (ยน 14:6) และในฐานะที่ทรงเป็นหนทาง พระองค์ยังทรงกำชับว่า “จงเข้าทางประตูแคบ เพราะประตูและทางที่นำไปสู่หายนะนั้นกว้างขวาง คนที่เข้าทางนี้มีจำนวนมาก แต่ประตูและทางซึ่งนำไปสู่ชีวิตนั้นคับแคบ คนที่พบทางนี้มีจำนวนน้อย” (มธ 7:13-14)
และพระเยซูเจ้าไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แต่พระองค์ทรงเลือกเดินเข้าทางประตูแคบ นั่นคือหนทางของไม้กางเขน!
ที่เมืองซีซารียาแห่งฟิลิป หลังจากเปโตรประกาศยืนยันความเชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็น “พระคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” แล้ว (มธ 5:16) พระเยซูเจ้า “ทรงเริ่มแจ้งแก่บรรดาศิษย์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อรับการทรมานอย่างมากจากบรรดาผู้อาวุโส หัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ จะถูกประหารชีวิต แต่จะทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม” (มธ 16:21)
และเพื่อให้แน่ใจว่าหนทางของกางเขนนี้เป็นพระประสงค์ของพระบิดาเจ้าจริง พระองค์จึงพาเปโตร ยากอบ และยอห์นขึ้นภูเขาสูง “เพื่ออธิษฐานภาวนา (ลก 9:28) ขอความเห็นชอบและพละกำลังจากพระบิดาเจ้า”
บนภูเขาสูงนี้ นอกจากพระพักตร์ของพระองค์จะเปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์และฉลองพระองค์มีสีขาวดุจแสงสว่างแล้ว โมเสสและประกาศกเอลียาห์ยังมาสนทนากับพระองค์อีกด้วย
ลูกาเล่าว่าเนื้อหาของการสนทนาคือเรื่อง “การจากไปของพระองค์ที่กำลังจะสำเร็จในกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก 9:31)
“การจากไป” ต้นฉบับภาษากรีกใช้คำว่า exodos (เอกซ์ซอดอส) ซึ่งแปลเป็นชื่อหนังสือพระคัมภีร์เล่มหนึ่งว่า “อพยพ”
คำ “อพยพ” มีความหมายลึกซึ้งทางศาสนา เพราะเป็นการเดินทางผจญภัยของชนชาติหนึ่งที่มอบความวางใจทั้งหมดไว้ในพระเจ้า แล้วออกเดินทางจากแผ่นดินอียิปต์ซึ่งอุดมสมบูรณ์ มุ่งหน้าสู่ถิ่นทุรกันดารในทะเลทรายที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ในที่สุดพระองค์ก็ทรงนำพาพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินแห่งพระสัญญา
พระเยซูเจ้ากำลังทำการ “อพยพ” โดยทรงออกจากแคว้นกาลิลี มุ่งหน้าสู่กรุงเยรูซาเล็มและไม้กางเขน
แม้จะมีกางเขนรออยู่เบื้องหน้า แต่การสนทนากับโมเสสและเอลียาห์ ทำให้พระองค์มั่นพระทัยว่า หลัง “อพยพ” ของชาวอิสราเอลยังมีแผ่นดินแห่งพระสัญญาฉันใด หลังความตายบนไม้กางเขน ก็มีความรุ่งโรจน์แห่งการกลับคืนพระชนมชีพรอคอยพระองค์อยู่ฉันนั้น
นอกจากนั้นยังมีเสียงของพระบิดาเจ้าดังจากเมฆว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เราพึงพอใจยิ่งนัก จงฟังท่านเถิด”
ทั้งหมดนี้หมายความว่า พระเยซูเจ้าทรงเดินมาถูกทางแล้ว พระบิดาทรงพอพระทัยและจะทรงบันดาลพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการกลับคืนพระชนมชีพให้แก่พระองค์
ส่วนบรรดาศิษย์ โดยเฉพาะเปโตรซึ่งคัดค้านไม่ยอมให้พระองค์เดินตามหนทางของกางเขน เมื่อได้เห็น “พระพักตร์ของพระองค์เปล่งรัศมีดุจดวงอาทิตย์ และฉลองพระองค์กลับมีสีขาวดุจแสงสว่าง” ก็เข้าใจทันทีว่า No Cross, No Crown
นี่คือเหตุผลที่นักบุญเปาโลเชิญชวนทิโมธีและเราทุกคนให้มีส่วนร่วมในความทุกข์ทรมาน ในหนทางที่แคบ ซึ่งก็คือหนทางของกางเขนดุจเดียวกับพระเยซูเจ้า
ในพระวรสาร พระเยซูเจ้าตรัสกับอัครสาวกว่า “จงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลย” วันนี้ พระองค์กำลังบอกเราทุกคนด้วยว่าจงลุกขึ้นเถิด อย่ากลัวเลยที่จะแบกกางเขน อย่ากลัวที่จะเดินในหนทางที่แคบและยากลำบาก เพราะพระองค์ทรงเคยเดินผ่านทางนี้มาแล้ว และทุกวันนี้พระองค์ก็ยังทรงเดินและประทับอยู่เคียงข้างเราเสมอ
ทุกครั้งที่เรามาร่วมบูชามิสซา พระองค์ทรงจำแลงพระกายให้เราเห็นภายใต้รูปปรากฏของปังและเหล้าองุ่น พร้อมกับประทานพระหรรษทานมากมายเพื่อช่วยเหลือเรา
เพราะฉะนั้นขอให้เราสลัดความกลัวและความสงสัยทิ้งไป และให้เราตั้งใจที่จะลุกขึ้นมาเดินตามหนทางที่แคบ หนทางของไม้กางเขน ซึ่งจะนำเราไปสู่ชีวิต
และทุกครั้งที่เราเดินรูป 14 ภาค ขอให้เราตั้งใจว่าเราจะเดินตามมรรคานี้ในชีวิตจริงของเราตลอดเทศกาลมหาพรตนี้ และตลอดไป เพื่อเราสมจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตนิรันดรเช่นเดียวกับพระองค์