Logo

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2023 สัปดาห์ที่ 6 เทศกาลธรรมดา

หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
ฮิต: 898

     เนื่องจากวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักพึ่งจะผ่านพ้นไป และเรื่องความรักของมนุษย์นี้ก็มีคำถามมากมาย อย่างเช่น เด็กหนุ่มคนหนึ่งไปถามพระสงฆ์ว่า “คุณพ่อครับ ถ้าผมจะนอนกับเพื่อนหญิงของผมวันวาเลนไทน์จะเป็นบาปไหมครับ?” พระสงฆ์ส่ายหัวพร้อมกับตอบว่า “ไม่บาปหรอก” เด็กหนุ่มคนนั้นร้อง “เยี่ยมเลย” แต่พระสงฆ์พูดต่อว่า “ตราบเท่าที่เธอนอนจริงๆ นะ”
     แม้พระวรสารวันนี้จะไม่ได้พูดถึงวันวาเลนไทน์โดยตรง แต่ก็มีบางเรื่องที่เกี่ยวพันกับความรักและคนที่เรารักด้วย
ประการแรก พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ขณะที่ท่านนำเครื่องบูชาไปถวายยังพระแท่น ถ้าระลึกได้ว่าพี่น้องของท่านมีข้อบาดหมางกับท่านแล้ว จงวางเครื่องบูชาไว้หน้าพระแท่น กลับไปคืนดีกับพี่น้องเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชานั้น” (มธ 5:23-24)
     สิ่งที่พระองค์ต้องการสอนเราก็คือ ถ้าเรานำเครื่องบูชาไปถวายพระเจ้าแล้วนึกได้ว่ามีเรื่องบาดหมางกับคนรัก ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือสามีของเรา ให้เราวางเครื่องบูชาไว้ แล้วขับรถกลับบ้าน เพราะคนรักของเราคงไม่ได้มาวัดกับเราแน่ แล้วคืนดีกันและทำให้ชีวิตรักดีเสียก่อน จึงค่อยกลับมาถวายเครื่องบูชา เครื่องบูชานี้จึงจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า
     จึงกล่าวได้ว่า ถ้าชีวิตรักดี ชีวิตวิญญาณก็จะดีไปด้วยเพราะเครื่องบูชาของทั้งคู่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ตรงกันข้าม ถ้าชีวิตรักไม่ดี ก็เป็นไปได้มากว่าชีวิตวิญญาณก็จะไม่ดีไปด้วย
     อีกเรื่องหนึ่งในพระวรสารที่พอจะเกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักก็คือพระดำรัสของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า อย่าล่วงประเวณี แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่ ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว” (มธ 5:27-28)
     สิ่งที่พระองค์ต้องการสอนเราก็คือ ให้เราแยกความรักออกจากความใคร่ ความแตกต่างระหว่างความรักกับความใคร่อยู่ตรงที่ความรักมักจะถามตัวเองว่า “ฉันจะทำอะไรเพื่อให้เขาหรือเธอมีความสุขได้บ้าง?” ส่วนความใคร่นั้นจะถามตัวเองว่า “ฉันจะแสวงหาความสุขจากเขาหรือจากเธอได้อย่างไร?”
     ตัวอย่างหนึ่งของความรักซึ่งไม่ค่อยจะได้พบเห็นกันบ่อยนักก็คือเรื่องราวของพอลและแอน
     พอลกับแอนแต่งงานกันย่างเข้าปีที่สิบแล้ว ทั้งคู่จนมาก ร้านขายของชำของพอลไม่เหลือเงาของความมั่งคั่งในอดีตเลย เขาขายมรดกตกทอดจนหมด เหลือเพียงไปป์งาช้างที่เขาคาบอยู่ในปากราวกับว่ากำลังสูบไปป์อยู่ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรในไปป์เพราะเขาไม่มีเงินซื้อยาเส้น
แต่แม้จะจน เขาก็ภูมิใจในภรรยาของเขามาก เพราะแอนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในหมู่บ้าน ผมยาวสีทองของเธอเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงในหมู่บ้านทุกคน
     เมื่อถึงวันครบรอบแต่งงาน ทั้งพอลและแอนต่างก็คิดจะทำให้อีกฝ่ายมีความสุข แอนตัดสินใจไปร้านเสริมสวย ขายเส้นผมของเธอ ได้เงินมา 25 ดอลล่าร์ เธอใช้ผ้าคลุมหัวเดินตรงไปยังร้านขายยาสูบ แล้วซื้อยาเส้นชนิดดีที่สุดที่สามีเคยสูบเมื่อตอนที่ยังมีฐานะดีอยู่
     ขณะเดียวกัน พอลก็ตัดสินใจขายไปป์งาช้างให้กับร้านขายวัตถุโบราณ แล้วนำเงินที่ได้มาไปซื้อที่คาดผมทำด้วยงาช้างสำหรับมอบให้ภรรยาของตน
     ที่โต๊ะอาหารเย็นวันนั้น ทั้งคู่ต่างก็แลกของขวัญให้แก่กันและกัน แอนให้ยาเส้นแก่พอลซึ่งขายไปป์ของเขาไปแล้ว ส่วนพอลก็ให้ที่คาดผมแก่แอนซึ่งไม่มีผมแล้ว
     แม้จะลงเอยแบบเศร้าๆ แต่นี่คือความรัก ความรักที่ทำให้ต่างคนต่างคิดว่าฉันจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งมีความสุขได้อย่างไร และด้วยความรักแบบนี้แหละ คำว่า “หย่าร้าง” จึงไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของพวกเขา
วันนี้หนังสือบุตรสิราบอกเราในบทอ่านที่หนึ่งว่า “พระเจ้าทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง”
     เช่นเดียวกัน วันนี้พระเจ้าทรงวางความรักกับความบาดหมางไว้ต่อหน้าเรา เราต้องการจะยื่นมือหยิบสิ่งใดล่ะ?
ให้เราวอนขอพระเจ้าโปรดช่วยคู่รักทุกคู่ ทั้งที่แต่งงานแล้วหรือที่กำลังคิดจะแต่งงานกัน ได้รักกันจริงๆ และสามารถครองรักกันได้ ไม่ใช่เฉพาะในวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์เท่านั้น แต่ตลอดชีวิตด้วยเทอญ