วันนี้ พระศาสนจักรร่วมใจกันสมโภช ไม่ใช่เหตุการณ์ แต่เป็นชีวิตภายในของพระเจ้าเอง นั่นคือ “พระเจ้าหนึ่งเดียวทรงเป็นสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต ทั้งสามพระบุคคลนี้ต่างกัน และเท่ากัน” ซึ่งเราเรียกความจริงภายในชีวิตของพระเจ้านี้ว่า “พระตรีเอกภาพ”
แม้ว่าคำพระตรีเอกภาพจะไม่มีอยู่ในพระคัมภีร์ แต่ข้อความในพระคัมภีร์มากมายก็นำมาสู่ข้อความเชื่อเรื่องพระตรีเอกภาพ อย่างเช่น ในบทอ่านที่หนึ่งจากหนังสือสุภาษิตวันนี้ คำว่าดิฉันนั้นคือปรีชาญาณของพระเจ้าซึ่งก็คือพระบุตรของพระเจ้า ผู้มีส่วนร่วมในการสร้างจักรวาลพร้อมกับพระเจ้าตั้งแต่เริ่มแรกนั่นเอง
ในบทอ่านที่สอง นักบุญเปาโลก็บอกว่าเราสามารถมีสันติกับพระเจ้าได้โดยผ่านทางพระเยซูเจ้าและพระจิตเจ้า ซึ่งหว่านความรักของพระเจ้าลงในจิตใจของเราแล้ว
และในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าเองก็ตรัสว่า “ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วย ดังนั้น เราจึงบอกว่า พระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงรับจากเรา” เพราะฉะนั้น ทั้งสามพระบุคคลจึงมีสิ่งเดียวเหมือนกันหมด และเท่าเทียมกันหมด
จากสิ่งที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในพระคัมภีร์นี้เอง พระศาสนจักรตั้งแต่ยุคเริ่มแรกจึงพัฒนาความคิดในพระคัมภีร์มาสู่ข้อความเชื่อเรื่องพระตรีเอกภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อความเชื่อที่เป็นที่ถกเถียงกันมากที่สุด และในเวลาเดียวกันก็เป็นหนึ่งในข้อความเชื่อที่น่ารักและน่าชื่นชมมากที่สุดเช่นกัน
ที่ว่าเป็นข้อความเชื่อที่ถกเถียงกันมากที่สุดก็เพราะคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพเป็นธรรมล้ำลึก ที่เรียกว่าธรรมล้ำลึกนั้น มิได้หมายความว่าเป็นเรื่อง “ลึกลับ” หรือ “ลี้ลับ” แต่หมายความว่าเป็น “ความเป็นจริง” ที่อยู่เหนือความเข้าใจของมนุษย์ เราไม่อาจอธิบายได้ว่า ทำไมสามพระบุคคลซึ่งแตกต่างกัน และเท่าเสมอกัน จะรวมเป็นพระเจ้าเดียวได้อย่างไรกัน ตรงนี้อยู่เหนือความ สามารถของมนุษย์ที่จะเข้าใจเรื่องของพระเจ้าได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้เราจะไม่เข้าใจว่าทั้งสามพระบุคคลจะทรงเป็นพระเจ้าเดียวกันได้อย่างไร แต่สิ่งที่เราเข้าใจได้และสำคัญกว่ามากก็คือ ทำไมพระเจ้าจึงทรงเปิดเผยธรรมชาติภายในชีวิตของพระองค์เองว่าทรงเป็น “พระตรีเอกภาพ” ให้เราทราบ ?
ดังที่เราทราบจากหนังสือปฐมกาลแล้วว่า พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์มาตามฉายาของพระองค์ ให้เหมือนพระองค์ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงเปิดเผยพระธรรมชาติของพระองค์ให้เรามนุษย์ได้รับทราบ เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตให้เหมือนพระองค์ ให้สมกับที่เป็นฉายาของพระองค์
จากคำสอนเรื่องพระตรีเอกภาพ เรารู้ว่าพระเจ้าทรงดำเนินชีวิตดังนี้
ประการแรก พระเจ้าไม่ทรงดำเนินชีวิตโดดเดี่ยว แต่ทรงอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ รักกัน และแบ่งปันทุกสิ่งให้แก่กันและกัน เพราะฉะนั้น คริสตชนที่ต้องการดำเนินชีวิตให้เป็น “คนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ทรงความดีอย่างสมบูรณ์” (มธ 5:48) จะดำเนินชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แยกจากผู้คน ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม มัวแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมาร์ทโฟน ไม่ยุ่งไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้นไม่ได้ !
ประการที่สอง ทั้งสามพระบุคคลทรงรักกันอย่างสมบูรณ์ เราจึงได้แบบอย่างว่าความรักที่สมบูรณ์ต้องประกอบด้วยสามฝ่าย
เช่นครอบครัวที่มีความรักสมบูรณ์จะต้องประกอบด้วย 3 ฝ่าย คือบิดา มารดา และบุตร เป็นต้น
เช่นเดียวกัน ความรักที่สมบูรณ์ของคริสตชนก็จะต้องประกอบ ด้วยสามฝ่าย นั่นคือ ตัวเรา พระเจ้า และเพื่อนมนุษย์ : ความรักในแนวตั้งได้แก่ตัวเรากับพระเจ้า ส่วนความรักในแนวนอนได้แก่ตัวเรากับเพื่อนมนุษย์
พี่น้องครับ นี่แหละครับที่ทำให้ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพเป็นเรื่องที่น่ารัก น่าชื่นชมยินดี เพราะชีวิตในพระตรีเอกภาพนั้นมีแต่ความรัก และทั้งสามพระบุคคลสอนให้เรารู้ว่าความรักที่สมบูรณ์นั้นต้องควบรวมทั้งสามฝ่ายเข้าด้วยกัน จะแยกออกจากกันไม่ได้
นอกจากนั้น ธรรมล้ำลึกเรื่องพระตรีเอกภาพยังทำให้เรามีความหวังเพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากเราจะมีพระบิดาผู้ประทานชีวิตแก่เราและทรงรักเราแล้ว เรายังมีพระบุตรผู้ทรงไถ่บาปของเราและทำให้เรากลับคืนดีกับพระบิดา และยังมีพระจิตผู้ทรงทำให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรากับพระบิดาคงอยู่และช่วยเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งๆ ขึ้นให้แก่ชีวิตของเรา
เพราะฉะนั้นพี่น้องครับ โอกาสที่เราจบเทศกาลปัสกาและกลับมาสู่เทศกาลธรรมดาซึ่งจะยาวไปจนถึงสิ้นปีพิธีกรรม แต่ชีวิตของเรานั้นจะต้องไม่ธรรมดา เราจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างเข้มข้น อย่างศักดิ์สิทธิ์ อย่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและการแบ่งปันให้แก่กันและกันตามแบบอย่างของพระตรีเอกภาพที่เราสมโภชในวันนี้ และอย่าลืมว่าเราไม่ได้ดำเนินชีวิตหรือต่อสู้ดิ้นรนตามลำพัง เรามีพระเจ้าพระบิดาอยู่เคียงข้างเรา เรามีพระเยซูเจ้าพระบุตรของพระเจ้าอยู่เคียงข้างเรา และเรายังมีพระจิตเจ้า พระอานุภาพของพระเจ้าผู้สูงสุดอยู่เคียงข้างเราอีกด้วย นี่คือความหวังของเรา และนักบุญเปาโลบอกเราในจดหมายถึงชาวโรมว่า “ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง” (รม 5:5)
เพราะฉะนั้นจงสู้ต่อไปนะครับพี่น้อง จงก้าวหน้าต่อไปในความศักดิ์สิทธิ์ อย่าได้ท้อถอย พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะอยู่กับเราทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ