Logo

บทเทศน์สอนวันอาทิตย์ สมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์

หมวด: บทเทศน์สอน วันอาทิตย์ โดยคุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
เขียนโดย คุณพ่อชัยยะ กิจสวัสดิ์
ฮิต: 377

     วันนี้ พระวรสารโดยนักบุญลูกา และหนังสือกิจการอัครสาวกซึ่งก็เขียนโดยนักบุญลูกาด้วยเช่นกัน เล่าว่า หลังจากพระเยซูเจ้าทรงกำชับบรรดาศิษย์ให้รอรับพระจิตเจ้าและออกไปประกาศข่าวดีแก่นานาชาติแล้ว พระองค์ก็“เสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย” (กจ 1:9) อันเป็นที่มาของการสมโภชในวันนี้
     เหตุที่เราสมโภชเช่นนี้ทุกปีก็เพราะ “การเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้า” มิได้เป็นเพียงเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นเมื่อสองพันปีก่อนเท่านั้น แต่ยังมีความหมายสำคัญและเป็นปัจจุบันอยู่เสมอทั้งสำหรับตัวพระเยซูเจ้าเองและสำหรับเราคริสตชนทุกคนด้วย
     สำหรับพระเยซูเจ้า การเสด็จขึ้นสวรรค์เป็นสิ่งจำเป็นในการเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์ตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ว่า “จงประทับทางขวาของเรา จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นดังแท่นวางเท้าของท่าน” (สดด 110:1) ซึ่งเป็นข้อความจากพระธรรมเก่าที่ได้รับการอ้างอิงถึงมากที่สุดในพระธรรมใหม่
     นอกจากนั้น การเสด็จขึ้นสวรรค์ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงได้รับการเทิดทูนเหนือทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น “เทพนิกรเจ้า เทพนิกรอำนาจ เทพนิกรฤทธิ์ เทพนิกรนาย และเหนือนามทั้งปวงที่อาจเรียกขานได้ ทั้งในภพนี้และในภพหน้า” (อฟ 1:21)
ทั้งหมดนี้พระเยซูเจ้าทรงสรุปให้เราฟังสั้นๆ ก่อนเสด็จสู่สวรรค์ว่า “พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา” (มธ 28:18)
     พี่น้องอาจส่ายหน้าด้วยความผิดหวังที่พระองค์ลงเอยด้วยน้ำเน่าเหมือนมนุษย์ทั่วไป คือทรงกระทำทุกสิ่งเพื่อ “อำนาจ” นี่เอง
แต่อำนาจของพระองค์แตกต่างจากอำนาจที่มนุษย์แสวงหาอย่างสิ้นเชิง !
     มนุษย์พยายามทุกวิถีทางเพื่อเข้าสู่วงจรอำนาจ ตัวอย่างเช่นนักการเมือง มีทั้งโกงเลือกตั้ง โก่งค่าตัว แย่งตำแหน่ง แก้กฎหมายเพื่อเพิ่มและคงไว้ซึ่งอำนาจ ฯลฯ เพราะอำนาจทำให้ตัวเขาและพวกพ้อง “ได้รับผลประโยชน์”
แต่อำนาจของพระเยซูเจ้าเป็น “อำนาจเหนือความตาย” และพระองค์ทรงใช้อำนาจนี้มิใช่เพื่อพระองค์เอง แต่ “เพื่อช่วยเราทุกคน” ให้เอาชนะความตายและมีชีวิตนิรันดรเหมือนพระองค์
ในเมื่อความตายพระองค์ยังสามารถพิชิตได้ แล้วยังจะมีอะไรอีกที่อยู่นอกเหนือความสามารถและฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ไม่ว่าในสวรรค์หรือบนแผ่นดินก็ตาม ?
เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะต้องไปกลัวอะไรอีกเพราะเจ้านายของเราทรงมีอำนาจชนิดปราศจากข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ?!
     สำหรับเราคริสตชน การเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระเยซูเจ้าก็มีความสำคัญต่อเราอย่างยิ่งยวด
     ประการแรก ทำให้เราได้รับพระจิตเจ้า พระองค์ตรัสว่า “ถ้าเราไม่ไป พระผู้ช่วยเหลือก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะส่งพระองค์มาหาท่าน” (ยน 16:7)
     พี่น้องลองคิดดูสิ หากพระองค์ไม่เสด็จขึ้นสวรรค์ ร่างกายของพระองค์ก็ประทับอยู่เพียงสถานที่เดียวในปาเลสไตน์เมื่อสองพันปีก่อน แต่เมื่อเสด็จขึ้นสวรรค์ พระจิตของพระองค์สามารถประทับอยู่กับเราทุกแห่งและตลอดไป (เทียบ ยน 14:16)
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงกล้าสัญญากับเราว่า “จงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20) ซึ่งแปลว่าเรามีพระองค์ประทับอยู่เคียงข้างเราเสมอไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ก็ตาม
     นับจากนี้ไป เราไม่ต้องหวั่นกลัวอะไรอีกเพราะ เรามีพระเยซูเจ้าผู้มีอำนาจเต็มทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดิน อยู่กับเราและช่วยเหลือเราตลอดไป ตราบจนสิ้นพิภพ...!
     ประการที่สอง ทำให้เรามีความหวัง ในเมื่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงเป็นมนุษย์เหมือนเรายังเสด็จขึ้นสวรรค์ได้ เราย่อมหวังว่าจะขึ้นสวรรค์ได้เช่นเดียวกับพระองค์ ยิ่งพระองค์ตรัสว่า “เรากำลังไปเตรียมที่ให้ท่าน” (ยน 14:2) เรายิ่งมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมดังที่นักบุญเปาโลบอกเราว่า “เมื่อกระโจมที่เราอาศัยอยู่ในโลกนี้ถูกเก็บไปแล้ว เรายังมีบ้านซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้สำหรับเรา เป็นบ้านที่ไม่ได้สร้างด้วยมือมนุษย์ แต่เป็นบ้านถาวรนิรันดรอยู่ในสวรรค์” (2 คร 5:1)
ประการสุดท้าย ทำให้เรามีทนายแก้ต่าง ดังที่จดหมายถึงชาวฮีบรูบอกเราในบทอ่านที่สองว่า “พระองค์เสด็จเข้าสู่สวรรค์ เพื่อจะทรงปรากฏอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าแทนเรา” นักบุญยอห์นจึงยืนยันว่า “ถ้าใครทำบาป เรายังมีทนายแก้ต่างให้เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดา คือพระเยซูคริสตเจ้า” (1 ยน 2:1)
     ที่สำคัญคือพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เหมือนกับเรา ทรงประสบกับทุกสิ่งที่เราประสบไม่ว่าจะเกิด แก่ เจ็บ ตาย พระองค์จึงเข้าใจเราดีและพร้อมจะช่วยเราเสมอ ด้วยเหตุนี้จดหมายถึงชาวฮีบรูจึงบอกว่าพระองค์สามารถ “บันดาลความรอดพ้นนิรันดรแก่ทุกคนที่ยอมนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์” (ฮบ 5:9-10)
     ในเมื่อพระองค์สามารถบันดาลความรอดพ้นนิรันดรให้แก่ทุกคนที่นอบน้อมเชื่อฟังพระองค์ พระองค์จึงตรัสย้ำก่อนเสด็จสู่สวรรค์ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา” (มธ 28:19)
นี่คือสุดยอดภารกิจที่พระเยซูเจ้าทรงมอบหมายแก่เราทุกคน นั่นคือให้เราช่วยกัน “ทำให้โลกนี้เป็นศิษย์และนอบน้อมเชื่อฟังพระองค์”
     พระองค์ต้องการศิษย์มิใช่เพื่อชื่อเสียงหรือเกียรติยศของพระองค์เอง แต่เพื่อช่วยศิษย์ให้รอดพ้นและ “เข้าสู่สวรรค์ มีชีวิตนิรันดรเหมือนพระองค์”
พระบิดาทรงส่งพระองค์มา และพระองค์ทรงส่งเราทุกคนไป ก็เพื่อวัตถุประสงค์นี้เอง !