www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 5 เมษายน 2017 สัปดาห์ที่ 5 เทศกาลมหาพรต

บทอ่านจากหนังสือประกาศกดาเนียล                                ดนล 3:14-20,24-25,28
     กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ตรัสถามเขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นความจริงหรือไม่ ที่ท่านไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของเรา และไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่เราตั้งไว้ บัดนี้ เมื่อท่านได้ยินเสียงเป่าเขาสัตว์ เสียงปี่ เสียงพิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุงและเครื่องดนตรีทุกชนิด จงเตรียมพร้อมที่จะกราบนมัสการรูปปั้นที่เราสร้างขึ้น ถ้าท่านไม่ยอมทำเช่นนี้ ท่านจะต้องถูกโยนทันทีเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง แล้วพระเจ้าใดจะช่วยท่านให้พ้นจากมือของเราได้”
     ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกกราบทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องทูลตอบพระองค์ในเรื่องนี้ ขอทรงทราบเถิดว่า พระเจ้าที่ข้าพเจ้าทั้งหลายรับใช้จะทรงช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้พ้นจากเตาที่มีไฟลุกโพลง และให้พ้นพระหัตถ์พระองค์ได้ ข้าแต่พระราชา แม้พระเจ้าของข้าพเจ้าทั้งหลายจะไม่ทรงช่วย ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์ทรงทราบเถิดว่าข้าพเจ้าทั้งหลายก็จะไม่ยอมรับใช้เทพเจ้าของพระองค์ และจะไม่ยอมนมัสการรูปปั้นทองคำที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น”
กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กริ้วมาก พระพักตร์ของพระองค์เปลี่ยนเป็นดุดันต่อชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก รับสั่งให้เพิ่มไฟในเตาให้ร้อนจัดกว่าเดิมอีกเจ็ดเท่า และรับสั่งให้ทหารบางคนที่แข็งแรงที่สุดในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก โยนเข้าไปในเตาที่มีไฟลุกโพลง
     เขาทั้งสามคนเดินไปมากลางเปลวไฟ สรรเสริญพระเจ้าและถวายพระพรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า อาซาริยาห์ยืนอธิษฐานภาวนาเสียงดังอยู่กลางไฟว่าดังนี้ พระวินิจฉัยที่ทรงกระทำต่อข้าพเจ้าทั้งหลาย และต่อกรุงเยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษ ก็เที่ยงธรรม พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งกับข้าพเจ้าทั้งหลายอย่างถูกต้องแท้จริงเพราะบาปของข้าพเจ้าทั้งหลาย

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 8:31-42
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับชาวยิวที่เชื่อในพระองค์ว่า “ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง ท่านจะรู้ความจริง และความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ”
     คนเหล่านั้นจึงตอบว่า “พวกเราเป็นเชื้อสายของอับราฮัม และไม่เคยเป็นทาสของใคร ท่านพูดได้อย่างไรว่า ‘ท่านทั้งหลายจะเป็นอิสระ’”
     พระเยซูเจ้าตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ทุกคนที่ทำบาปก็เป็นทาสของบาป ทาสย่อมไม่พำนักอยู่ในบ้านตลอดไป แต่บุตรพำนักอยู่ตลอดไป ดังนั้น ถ้าพระบุตรทำให้ท่านเป็นอิสระ ท่านก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง เรารู้ว่าท่านทั้งหลายเป็นเชื้อสายของอับราฮัม แต่ท่านพยายามจะฆ่าเรา เพราะวาจาของเราไม่ซึมซาบเข้าไปในท่าน เราบอกสิ่งที่เราได้เห็นเมื่อเราอยู่เฉพาะพระพักตร์พระบิดา ท่านทั้งหลายก็ทำตามที่ท่านได้ยินจากบิดาของท่านด้วย”
คนเหล่านั้นตอบพระองค์ว่า “บิดาของพวกเราคืออับราฮัม”
     พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของอับราฮัม ท่านจงทำกิจการของอับราฮัมเถิด แต่บัดนี้ ท่านกำลังพยายามจะฆ่าเรา ซึ่งเป็นคนบอกความจริงที่เราได้ยินมาจากพระเจ้าให้ท่านฟัง อับราฮัมไม่เคยทำเช่นนี้เลย ท่านไม่ทำกิจการของอับราฮัม แต่ทำกิจการของบิดาของท่าน”
     คนเหล่านั้นเถียงว่า “เราไม่ใช่ลูกไม่มีพ่อ บิดาเดียวที่เรามีคือพระเจ้า”
    พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ถ้าพระเจ้าทรงเป็นบิดาของท่านจริง ท่านคงจะรักเรา เพราะเรามาจากพระเจ้า เราไม่ได้มาตามใจตนเอง แต่พระองค์ทรงส่งเรามา

 

ข้อคิด
     บทอ่านทั้งสองของวันนี้ชี้ให้เห็นว่าพระเป็นเจ้ามีอำนาจช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้น แต่เนื้อหาในพระวรสารของนักบุญยอห์นที่ว่า “ท่านจะรู้ความจริง และความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ” พิสูจน์ว่าอำนาจช่วยให้รอดพ้นของพระเป็นเจ้าอยู่ในพระเยซูคริสตเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสตเจ้า นั้นก็คือใครก็ตามดำเนินชีวิตบนเส้นทางแห่งพระวาจาของพระองค์ก็เป็นศิษย์ของพระองค์ และเดินบนทางแห่งความรอดพ้น เพราะเขาจะไม่หลงผิด “ผู้ใดที่เชื่อในพระบุตร ย่อมมีชีวิตนิรันดร” (ยน 4.53)