www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพุธที่ 23 สิงหาคม 2017 น.โรซา ชาวลีมา พรหมจารี

บทอ่านจากหนังสือผู้วินิจฉัย                                          วนฉ 9:6-15
     ในครั้งนั้น คนสำคัญทั้งหลายของเมืองเชเคมและเบธมิลโลทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ต้นโอ๊กใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเชเคม ตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์
     เมื่อโยธามทราบข่าวนี้ก็ไปยืนบนยอดภูเขาเกริซิมร้องตะโกนเสียงดังว่า
“ชาวเชเคมผู้มีเกียรติทั้งหลาย จงฟังข้าพเจ้าเถิด แล้วพระเจ้าจะทรงฟังท่านด้วย ครั้งหนึ่ง บรรดาต้นไม้ออกไป เพื่อเจิมตั้งกษัตริย์ขึ้นปกครองตน กล่าวเชิญต้นมะกอกเทศว่า ‘จงเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด’ ต้นมะกอกเทศตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตน้ำมัน ที่ใช้ถวายเกียรติแด่เทพเจ้าและมนุษย์ ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้จึงกล่าวเชิญต้นมะเดื่อเทศว่า ‘จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด’ ต้นมะเดื่อเทศตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตผลหวานน่ากิน ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้กล่าวเชิญเถาองุ่นว่า ‘จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด’ เถาองุ่นตอบว่า ‘ข้าพเจ้าจะต้องเลิกผลิตเหล้าองุ่น ซึ่งทำให้เทพเจ้าและมนุษย์มีความยินดี ไปแกว่งไกวอยู่เหนือต้นไม้อื่นๆ หรือ’ บรรดาต้นไม้จึงพร้อมใจกล่าวเชิญพุ่มหนามว่า ‘จงมาเป็นกษัตริย์ปกครองพวกเราเถิด’ พุ่มหนามก็ตอบบรรดาต้นไม้ว่า ‘ถ้าท่านต้องการเจิมตั้งข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์จริงๆ ละก็ จงมาพักอยู่ใต้ร่มเงาของข้าพเจ้าเถิด ถ้าท่านไม่มา ไฟจะออกมาจากพุ่มหนาม และเผาผลาญต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน’”

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                               มธ 20:1-16ก
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสแก่บรรดาศิษย์เป็นคำอุปมาว่า “อาณาจักรสวรรค์เปรียบเหมือนพ่อบ้านผู้หนึ่งซึ่งออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อจ้างคนงานมาทำงานในสวนองุ่น ครั้นได้ตกลงค่าจ้างวันละหนึ่งเหรียญกับคนงานแล้ว ก็ส่งไปทำงานในสวนองุ่น ประมาณสามโมงเช้า พ่อบ้านออกมาก็เห็นคนอื่นๆ ยืนอยู่ที่ลานสาธารณะโดยไม่ทำงาน จึงพูดกับคนเหล่านี้ว่า ‘จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร’ คนเหล่านี้ก็ไป พ่อบ้านออกไปอีกประมาณเที่ยงวันและบ่ายสามโมง กระทำเช่นเดียวกัน ประมาณห้าโมงเย็น พ่อบ้านออกไปอีก พบคนอื่นๆ ยืนอยู่ จึงถามเขาว่า ‘ทำไมท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร’ เขาตอบว่า ‘เพราะไม่มีใครมาจ้าง’ พ่อบ้านจึงพูดว่า ‘จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด’
     ครั้นถึงเวลาค่ำ เจ้าของสวนบอกผู้จัดการว่า ‘ไปเรียกคนงานมา จ่ายค่าจ้างให้เขาโดยเริ่มตั้งแต่คนสุดท้ายจนถึงคนแรก’ เมื่อพวกที่เริ่มงานเวลาห้าโมงเย็นมาถึง เขาได้รับคนละหนึ่งเหรียญ เมื่อคนงานพวกแรกมาถึง เขาคิดว่าตนจะได้รับมากกว่านั้น แต่ก็ได้รับคนละหนึ่งเหรียญเช่นเดียวกัน ขณะรับค่าจ้างเขาก็บ่นต่อหน้าเจ้าของสวนว่า ‘พวกที่มาสุดท้ายนี้ทำงานเพียงชั่วโมงเดียว ท่านก็ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากับเรา ซึ่งต้องตรากตรำอยู่กลางแดดตลอดวัน’ เจ้าของสวนจึงพูดกับคนหนึ่งในพวกนี้ว่า ‘เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ได้ตกลงกับฉันคนละหนึ่งเหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากจะให้คนที่มาสุดท้ายนี้เท่ากับให้ท่าน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยาเพราะฉันใจดีหรือ’
ดังนี้แหละ คนกลุ่มสุดท้ายจะกลับเป็นคนกลุ่มแรก และคนกลุ่มแรกจะกลับเป็นคนกลุ่มสุดท้าย”

 

ข้อคิด
     เรื่องราวของคำอุปมาในพระวรสารวันนี้ มีเฉพาะในพระวรสารของนักบุญมัทธิวเท่านั้น พระเยซูเจ้าเล่าเรื่องที่ชาวยิวคุ้นเคย เป็นชีวิตประจำวันของพวกเขา แต่พระองค์ได้ให้ความหมายที่ลึกซึ้ง พระองค์ได้สะท้อนให้เห็นว่า เราได้รับความรักเท่ากันจากพระเป็นเจ้า ความรักของพระเป็นเจ้า ไม่ได้วัดกันที่ชั่วโมงการทำงาน ไม่ได้วัดที่ความสามารถ แต่ เป็นความรัก ความเมตตาที่พระเป็นเจ้าให้กับเราทุกคน เพราะความอิจฉาของคนงานที่มาทำงานก่อนทำให้เขามองข้ามความจริง (มธ 20:13-15) พวกเขาจึงไม่ได้สัมผัสความรัก ความใจดี ที่พ่อบ้านได้มอบให้