www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน 2017 น.เคลเมนต์ที่ 1 พระสันตะปาปาและมรณสักขี น.โคลัมบัน เจ้าอธิการ

บทอ่านจากหนังสือมัคคาบี ฉบับที่หนึ่ง                           1 มคบ 2:15-29
     ในครั้งนั้น เจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาบังคับประชาชนให้ละทิ้งศาสนาและถวายบูชาแด่รูปเคารพมาถึงเมืองโมดีน ชาวอิสราเอลจำนวนมากเข้าร่วมด้วย แต่มัทธาธีอัสกับบรรดาบุตรอยู่รวมกันอีกกลุ่มหนึ่ง เจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาจึงกล่าวแก่มัทธาธีอัสว่า “ท่านเป็นคนสำคัญ มีเกียรติ และยิ่งใหญ่ในเมืองนี้ ได้รับการสนับสนุนจากบรรดาบุตรและญาติพี่น้อง ท่านจงออกมาเป็นคนแรก ปฏิบัติตามพระบัญชาของกษัตริย์เถิด ดังที่ชนชาติต่างๆ ชาวยูดาห์และผู้คนที่เหลืออยู่ในกรุงเยรูซาเล็มทำกัน แล้วท่านกับบรรดาบุตรจะได้ชื่อว่าเป็นพระสหายของกษัตริย์ ท่านกับบรรดาบุตรจะมีเกียรติ ได้รับเงินทองและของประทานมากมาย”
     แต่มัทธาธีอัสร้องตอบเสียงดังว่า “แม้ชนชาติทั้งหมดในราชอาณาจักรของกษัตริย์จะปฏิบัติตามพระบัญชา ละทิ้งศาสนาของบรรพบุรุษ ยอมปฏิบัติตามพระบัญชาของกษัตริย์ ข้าพเจ้ากับบรรดาบุตรและญาติพี่น้องจะดำเนินชีวิตตามพันธสัญญาของบรรพบุรุษ ขอพระเจ้าทรงพระกรุณาอย่าให้เราละทิ้งธรรมบัญญัติและขนบประเพณีเลย เราจะไม่เชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากศาสนาของเราแต่ประการใด”
     เมื่อเขาพูดจบ ชาวยิวคนหนึ่งออกมาต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อถวายเครื่องบูชาบนแท่นที่เมืองโมดีนตามพระบัญชาของกษัตริย์ มัทธาธีอัสเห็นเข้าก็โกรธ โทสะพลุ่งขึ้นเพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ วิ่งไปฆ่าชายคนนั้นคาแท่นบูชา เขาฆ่าเจ้าหน้าที่ที่กษัตริย์ทรงส่งมาบังคับให้ถวายเครื่องบูชา และเขายังทำลายแท่นบูชาด้วย เขาทำเช่นนี้เพราะความรักต่อธรรมบัญญัติ ดังที่ฟีเนหัสเคยทำกับศิมรี บุตรของสาลู
     มัทธาธีอัสไปประกาศเสียงดังทั่วเมืองว่า “ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อธรรมบัญญัติ และยึดมั่นในพันธสัญญา จงตามข้าพเจ้ามาเถิด”
เขากับบรรดาบุตรหนีไปยังเขตภูเขา ละทิ้งข้าวของทั้งหมดไว้ในเมือง
ชาวยิวจำนวนมากที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม และปฏิบัติตามขนบประเพณีทางศาสนา ไปตั้งหลักฐานในถิ่นทุรกันดาร

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                  ลก 19:41-44
     เวลานั้น ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาใกล้กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเมืองนั้นแล้วทรงกันแสง ตรัสว่า “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนั้นจะมาถึงเจ้า เมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้า จะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า”

 

ข้อคิด
     การเบียดเบียนศาสนาทำให้ชาวยิว (160 ก่อน ค.ศ.) ตื่นตัวปฏิบัติศาสนาอย่างเคร่งครัด ชาวยิวต่อต้านอารยธรรมกรีกด้วยหลายวิธีต่างกัน เช่นใช้ความรุนแรง (2:15-28) ต่อต้านโดยดุษฎี (2:29-38) ไม่ยอมละเมิดวันสับบาโต และในที่สุดทำสงครามศักดิ์สิทธิ์โดยมีมัทธาธีอัสเป็นผู้นำ (2:39-48) แต่การต่อสู้เรื่องศาสนา ภายหลังเปลี่ยนจุดประสงค์เป็นเรื่องการเมือง จนทำให้ชาวยิวแบ่งเป็นกลุ่ม ทะเลาะกันเอง พระเยซูเจ้าจึงมาสอนทางนำไปสู่สันติ