www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2017 สัปดาห์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือประกาศกเอเสเคียล                           อสค 18:25-28
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ท่านพูดว่า ‘วิธีการขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ยุติธรรม’ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังเถิด วิธีการของเราไม่ยุติธรรม หรือวิธีการของท่านไม่ยุติธรรม เมื่อผู้ชอบธรรมเปลี่ยนใจไม่ปฏิบัติความชอบธรรมมาทำผิด เขาจะต้องตายเพราะการนี้ เขาจะต้องตายเพราะความผิดที่เขาได้ทำ ถ้าคนชั่วร้ายเลิกทำความชั่วร้ายที่เขาได้ทำ มาปฏิบัติความยุติธรรมและความชอบธรรม เขาก็จะรักษาชีวิตของตนไว้ เขาเลือกจะเลิกการล่วงละเมิดทั้งหมดที่เคยทำ เขาจะมีชีวิตอย่างแน่นอน เขาจะไม่ต้องตาย”

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวฟิลิปปี      ฟป 2:1-11
     พี่น้อง ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากการเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า ถ้าท่านได้รับกำลังใจจากความรัก ถ้าท่านเป็นหนึ่งเดียวกันในพระจิตเจ้า ถ้าท่านเห็นอกเห็นใจสงสารกัน ท่านจงทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างเต็มเปี่ยมโดยการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักแบบเดียวกัน มีความรู้สึกนึกคิดอย่างเดียวกัน อย่ากระทำการใดเพื่อชิงดีกันหรือเพื่อโอ้อวด แต่จงถ่อมตนคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จงเห็นแก่ผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด
     แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจึงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง และประทานพระนามให้แก่พระองค์พระนามนี้ประเสริฐกว่านามอื่นใดทั้งสิ้น เพื่อทุกคนในสวรรค์และบนแผ่นดินรวมทั้งใต้พื้นพิภพจะย่อเข่าลงนมัสการพระนาม “เยซู” นี้ และเพื่อชนทุกภาษาจะได้ร้องประกาศว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว                                มธ 21:28-32
     เวลานั้น พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาหัวหน้าสมณะและผู้อาวุโสของประชาชนว่า “ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน เขาไปพบบุตรคนแรกพูดว่า “ลูกเอ๋ย วันนี้ จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด” บุตรตอบว่า “ลูกไม่อยากไป” แต่ต่อมาก็เปลี่ยนใจและไปทำงาน พ่อจึงไปพบบุตรคนที่สอง พูดอย่างเดียวกัน บุตรคนที่สองตอบว่า “ครับพ่อ” แต่แล้วก็ไม่ได้ไป สองคนนี้ใครทำตามใจพ่อ” พวกเขาตอบว่า “คนแรก” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน เพราะยอห์นได้มาพบท่าน ชี้หนทางแห่งความชอบธรรม ท่านก็ไม่เชื่อยอห์น ส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ แต่ท่านทั้งหลายเห็นดังนี้แล้ว ก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจมาเชื่อยอห์น

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้ชี้ให้เราเห็นถึงความแตกต่างระหว่างพฤติกรรมของพวกฟารีสีกับบุคคลที่ถูกเรียกว่าเป็นคนบาปและคนชายขอบ ธรรมาจารย์และฟารีสีคิดว่าตัวเองรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าเป็นอย่างดีผ่านทางธรรมบัญญัติ แต่เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับพระเยซูเจ้า พวกเขาปฏิเสธพระองค์ ตรงกันข้ามพวกคนบาปที่ไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอยู่บ่อยครั้ง เมื่อพบกับพระเยซูเจ้า พวกเขากลับใจ ดังนั้นพระเยซูเจ้าจึงพูดกับพวกฟารีสีว่า “คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน” เมื่อยอห์น บัสติสต์ เทศน์สอน พวกคนบาปกลุ่มนี้ก็กลับใจ แต่ฟารีสีไม่ได้สนใจสิ่งที่ยอห์นสอนเลย และพวกเขาก็ไม่ได้สนใจคำสอนของพระเยซูเจ้าเฉกเช่นกัน
สิ่งสำคัญสำหรับเราคริสตชนก็คือ “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อพระเจ้าและพระเยซูเจ้าในที่นี่และเดี๋ยวนี้ ถือว่าสำคัญที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่เราเป็นอดีตหรือจะเป็นในอนาคต