www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2017 สัปดาห์ที่ 7 เทศกาลธรรมดา

บทอ่านจากหนังสือบุตรสิรา                                          บสร1:1-10
      ปรีชาญาณทั้งมวลมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและอยู่กับพระองค์ตลอดไปเม็ดทรายในทะเล หยาดน้ำฝนวันที่โลกคงอยู่ ใครเล่าจะนับได้ความสูงของท้องฟ้า ความกว้างของแผ่นดินความลึกแห่งห้วงสมุทร ใครเล่าจะสำรวจได้ปรีชาญาณถูกเนรมิตขึ้นมาก่อนสิ่งใดความรู้รอบคอบมีมาแต่นิรันดรใครเล่าได้รับการเปิดเผยถึงที่มาของปรีชาญาณใครเล่ารู้ความคิดลึกล้ำของปรีชาญาณมีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีปรีชาและน่าเกรงขามคือพระองค์ผู้ประทับบนพระบัลลังก์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเนรมิตปรีชาญาณทอดพระเนตรเห็นและทรงวัดขนาดแล้วทรงหลั่งปรีชาญาณลงมายังพระราชกิจทั้งปวงของพระองค์พระองค์ประทานปรีชาญาณแก่มนุษย์ตามพระทัยกว้างขวางของพระองค์ทรงแจกจ่ายแก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมาระโก                              มก 9:14-29
     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จลงจากภูเขาพร้อมกับศิษย์ทั้งสามคน มาพบศิษย์คนอื่นทรงเห็นประชาชนจำนวนมากห้อมล้อมบรรดาศิษย์ธรรมาจารย์บางคนกำลังถกเถียงกับเขาเหล่านั้นทันทีที่เห็นพระองค์ประชาชนทั้งหลายต่างประหลาดใจและและวิ่งเข้ามาทักทายพระองค์พระองค์ตรัสถามบรรดาศิษย์ว่า “ท่านกำลังถกเถียงเรื่องอะไรหรือ” คนหนึ่งในกลุ่มชนตอบว่า “พระอาจารย์เจ้าข้าข้าพเจ้าพาบุตรชายที่ปีศาจสิงให้เป็นใบ้มาเฝ้าพระองค์เมื่อปีศาจสิงมันผลักเขาให้ล้มลงน้ำลายฟูมปากกัดฟันและตัวแข็งทื่อข้าพเจ้าได้ขอให้ศิษย์ของพระองค์ขับไล่มันแต่เขาทำไม่สำเร็จ” พระองค์ตรัสตอบว่า “คนหัวดื้อเชื่อยากเราจะต้องอยู่กับท่านอีกนานเท่าใดจะต้องทนท่านอีกนานเท่าใดจงพาเด็กมาพบเราเถิด” เขาจึงพาเด็กนั้นมาเฝ้าพระองค์เมื่อเห็นพระองค์ปีศาจก็ทำให้เด็กชักล้มลงกับพื้นดินกลิ้งไปมาน้ำลายฟูมปากพระเยซูเจ้าทรงถามบิดาของเด็กว่า “เป็นดังนี้นานเท่าไรแล้ว” เขาทูลตอบว่า “ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กๆปีศาจได้ผลักเด็กลงในกองไฟหลายครั้งบางครั้งผลักลงในน้ำเพื่อให้ตายถ้าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้ก็ทรงกรุณาช่วยเราด้วยเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าทำได้น่ะหรือทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งนั้นสำหรับผู้มีความเชื่อ” ทันใดนั้นบิดาของเด็กก็ร้องว่า “ข้าพเจ้าเชื่อโปรดช่วยความเชื่อเล็กน้อยของข้าพเจ้าด้วยเถิด” เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นประชาชนเข้ามามากยิ่งขึ้นพระองค์จึงตรัสสำทับปีศาจว่า “เจ้าปีศาจหนวกใบ้เราสั่งเจ้าให้ออกจากเด็กคนนี้และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย” ปีศาจจึงร้องเสียงดังและทำให้เด็กมีอาการชักอย่างรุนแรงแล้วปีศาจก็ออกไปเด็กนอนนิ่งเหมือนคนตายจนคนส่วนมากพูดกันว่า “เขาตายแล้ว” แต่พระเยซูเจ้าทรงจับมือเด็กทรงช่วยพยุงให้ลุกขึ้นเขาก็ยืนขึ้นเมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งบรรดาศิษย์ทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า “ทำไมพวกเราจึงขับไล่มันไม่ได้” พระองค์ตรัสตอบว่า “ปีศาจชนิดนี้ขับไล่ออกไม่ได้เลยนอกจากด้วยการอธิษฐานภาวนาเท่านั้น”

 

ข้อคิด
       ก่อนเรื่องราวในพระวรสารวันนี้จะเกิดขึ้น พระเยซูเจ้าได้ทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์บนภูเขาสูง ซึ่งเป็นภาพล่วงหน้าของพระสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์จะทรงได้รับผ่านทางการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพ และเป็นเครื่องหมายที่ชี้ให้เห็นว่าความตายจะไม่มีวันเอาชนะพระองค์ได้ พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งชีวิต ผู้ทรงมีอำนาจเหนือบาปและความตาย การรักษาเด็กที่ถูกปีศาจสิงเป็นภาพล่วงหน้าของอำนาจที่พระองค์จะทรงใช้เพื่อช่วยเหลือเราแต่ละคน บาปครอบงำเราและทำให้เราเจ็บป่วยปางตาย พระเยซูเจ้าเท่านั้นที่ทรงมีอำนาจรักษาเราได้ ผ่านทางน้ำแห่งศีลล้างบาปพระองค์ทรงชำระเราให้บริสุทธิ์จากบาปกำเนิด ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงฟื้นฟูพละกำลังและทำให้ชีวิตฝ่ายจิตของเราเข้มแข็งด้วยศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์ สักวันหนึ่งเราทุกคนต้องตาย แต่ด้วยความเชื่อในพระเยซูเจ้า เรามั่นใจว่าพระองค์จะทรงพยุงเราให้ลุกขึ้นและนำเรามายืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระบิดาเจ้าสวรรค์