Logo

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2024 สัปดาห์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา

หมวด: มิถุนายน 2024
เขียนโดย กลุ่มไบเบิ้ลไดอารี
ฮิต: 950

 

บทอ่านจากหนังสือเพลงคร่ำครวญ     พคค 2:2,10-14,18-19

     องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายที่อาศัยทั้งหมดของยาโคบอย่างไร้พระเมตตา ทรงพังป้อมปราการของธิดาแห่งยูดาห์ด้วยความกริ้ว ทรงกดให้ต่ำลงถึงพื้นดิน ทรงทำให้อาณาจักรและเจ้านายของเธอเป็นมลทิน บรรดาผู้อาวุโสของธิดาแห่งศิโยนนั่งเงียบอยู่บนพื้นดิน โปรยฝุ่นดินบนศีรษะ สวมผ้ากระสอบ สาวพรหมจารีแห่งกรุงเยรูซาเล็มก้มศีรษะมองพื้นดิน นัยน์ตาของข้าพเจ้าแดงก่ำเพราะร้องไห้ จิตใจวุ่นวาย กำลังก็ทรุดลง เพราะความพินาศของธิดาแห่งประชากรของข้าพเจ้า เพราะเด็กและทารก

     เป็นลมสลบอยู่ตามลานในเมือง เด็กเหล่านี้ถามมารดาของตนว่า “แม่จ๋า ข้าวและเหล้าองุ่นอยู่ที่ไหน” เขาทั้งหลายหมดแรงล้มลงในลานเมืองดุจคนบาดเจ็บ เขาสิ้นใจในอ้อมกอดของมารดา ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาเปรียบกับเจ้า บอกว่าเจ้าเหมือนกับสิ่งใดได้ ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยนเอ๋ย ข้าพเจ้าจะนำเจ้าไปเปรียบกับสิ่งใดเพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้ เพราะหายนะของเจ้ายิ่งใหญ่เหมือนทะเล ผู้ใดจะรักษาเจ้าให้หายได้ นิมิตที่บรรดาประกาศกบอกเจ้าเป็นนิมิตหลอกลวง ไร้สาระ เขาไม่ได้เปิดเผยความชั่วร้ายของเจ้า เพื่อเปลี่ยนชะตากรรมของเจ้า แต่เขาประกาศนิมิตไร้สาระ และทำให้หลงผิด

     เชิงเทินของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า จงหลั่งน้ำตาเหมือนลำธารทั้งวันทั้งคืน อย่าหยุดหย่อนเลย ดวงตาของเจ้าอย่าหยุดหลั่งน้ำตาเลย จงลุกขึ้นร้องตะโกนในเวลากลางคืน เมื่อผลัดเปลี่ยนยาม จงระบายความในใจของเจ้าออกมาราวกับสายน้ำเฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า จงชูมือขึ้นหาพระองค์ เพื่อขอชีวิตของบรรดาเด็กของเจ้า ที่หิวจนเป็นลมสลบไป ตามมุมถนนทุกแห่ง

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญมัทธิว     มธ 8:5-17

     เวลานั้น เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม นายร้อยคนหนึ่งเข้ามาเฝ้าพระองค์ ทูลอ้อนวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าเป็นอัมพาตนอนอยู่ที่บ้าน ต้องทรมานอย่างสาหัส” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไปรักษาเขาให้หาย” แต่นายร้อยทูลตอบว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่สมควรให้พระองค์เสด็จเข้ามาในบ้านของข้าพเจ้า แต่ขอพระองค์ตรัสเพียงคำเดียวเท่านั้น ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าก็จะหายจากโรค ข้าพเจ้าเป็นคนอยู่ใต้บังคับบัญชา แต่ยังมีทหารอยู่ใต้บังคับบัญชาด้วย ข้าพเจ้าสั่งทหารคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งอีกคนหนึ่งว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพเจ้าสั่งผู้รับใช้ว่า ‘ทำนี่’ เขาก็ทำ” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงได้ยินเช่นนี้ ทรงประหลาดพระทัย จึงตรัสแก่บรรดาผู้ติดตามว่า

     “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เรายังไม่เคยพบใครมีความเชื่อมากเช่นนี้ในอิสราเอลเลย เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนจำนวนมากจะมาจากทิศตะวันออกและตะวันตก และจะนั่งร่วมโต๊ะกับอับราฮัม อิสอัคและยาโคบในอาณาจักรสวรรค์ แต่บุตรแห่งอาณาจักรจะถูกขับไล่ออกไปในที่มืดข้างนอก ที่นั่นจะมีแต่การร่ำไห้คร่ำครวญ และขบฟันด้วยความขุ่นเคือง” แล้วพระเยซูเจ้าจึงตรัสกับนายร้อยว่า “จงไปเถิด จงเป็นไปตามที่ท่านเชื่อนั้นเถิด”

     ผู้รับใช้ของเขาก็หายจากโรคในเวลานั้นเอง เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในบ้านของเปโตร ทรงเห็นมารดาของภรรยาเปโตรนอนป่วยเป็นไข้ พระองค์จึงทรงจับมือนาง นางก็หายไข้ ลุกขึ้นและปรนนิบัติรับใช้พระองค์ เย็นวันนั้น ประชาชนนำผู้ถูกปีศาจสิงจำนวนมากมาเฝ้าพระองค์ พระองค์ทรงขับปีศาจเหล่านี้ออกไปด้วยพระวาจา และทรงบำบัดรักษาผู้ป่วยทุกคน เพื่อให้พระวาจาที่ได้ตรัสไว้ทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า  “พระองค์ทรงรับเอาความอ่อนแอของเราไว้
และทรงแบกความเจ็บป่วยของเรา”

 

ข้อคิด

     พระจ้าทรงสร้างมนุษย์และสิ่งสร้างทั้งมวลให้อยู่ด้วยกันอย่างสอดคล้องและช่วยเหลือกันและกัน พระองค์ยังคงสานสัมพันธ์อันนี้ด้วยความรักเมตตาบริสุทธิ์มิจืดจาง แต่เมื่ออิสราเอล ประชากรที่ทรงเลือกสรร หันหลังให้พระองค์ น้ำทิพย์แห่งรักและความดีงามจึงมิอาจหลั่งลงชุบเลี้ยงชีวิตของพวกเขาได้ ความร้ายจึงเป็นผลที่เขาได้รับ อย่างไรก็ตาม เราพบว่าพระเจ้ามิได้ทรงทอดทิ้งมนุษย์ที่พระองค์ทรงถือว่าเป็นบรรดาบุตรของพระองค์ พระบิดาเจ้าจึงทรงส่งพระบุตรของพระองค์ลงมา เพื่อซ่อมแซมและสานสัมพันธ์แห่งรักระหว่างพระองค์และมนุษย์ขึ้นอีกครั้ง เราคริสตชนจึงเชื่อและก้าวเดินตาม ‘องค์คนกลาง’ นี้ ดังนั้น ขอให้เรามอบใจมอบกายแด่พระองค์เสมอเถิด