www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2018 สมโภชพระนางมารีย์ พระชนนีพระเป็นเจ้า

บทอ่านจากหนังสือกันดารวิถี                                         กดว 6:22-27
     องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส ให้บอกอาโรนและบรรดาบุตรว่า
“ท่านทั้งหลายจะต้องอวยพรชาวอิสราเอลดังนี้ ท่านจะต้องกล่าวว่า
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่านและโปรดปรานท่าน
ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่านและประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ”
สมณะจะต้องเรียกขานนามของเราให้ลงมาเหนือชาวอิสราเอลเช่นนี้ แล้วเราจะอวยพรเขาทั้งหลาย

สดด 67:1-2,3-7

 

บทอ่านจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวกาลาเทีย      กท 4:4-7
     พี่น้อง เมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาบังเกิดจากหญิงผู้หนึ่ง เกิดมาอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ เพื่อทรงไถ่ผู้ที่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ และทำให้เราได้เป็นบุตรบุญธรรม ข้อพิสูจน์ว่าท่านทั้งหลายเป็นบุตรก็คือพระเจ้าทรงส่งพระจิตของพระบุตรลงมาในดวงใจของเรา พระจิตผู้ตรัสด้วยเสียงดังว่า “อับบา พระบิดาเจ้าข้า” ดังนั้น ท่านจึงไม่เป็นทาสอีกต่อไป แต่เป็นบุตร และถ้าเป็นบุตรก็ย่อมเป็นทายาทตามพระประสงค์ของพระเจ้า

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญลูกา                                    ลก 2:16-21
     เมื่อบรรดาทูตสวรรค์จากเขากลับสู่สวรรค์แล้ว คนเลี้ยงแกะจึงรีบไปและพบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า เมื่อคนเลี้ยงแกะเห็น ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง ส่วนพระนางมารีย์ทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัยและยังทรงคำนึงถึงอยู่ คนเลี้ยงแกะกลับไปโดยถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็น ตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้
เมื่อครบกำหนดแปดวัน ถึงเวลาที่พระกุมารจะต้องทรงเข้าสุหนัต เขาถวายพระนามพระองค์ว่าเยซู เป็นพระนามที่ทูตสวรรค์ให้ไว้ก่อนที่พระองค์จะทรงปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระมารดา

 

ข้อคิด
     พระเจ้าทรงรักประชากรที่พระองค์ทรงเลือกสรรค์ พร้อมกันนั้น พระองค์ทรงเตรียมพวกเขาเพื่อให้พวกเขาส่งต่อความรักและการเลือกสรรค์ของพระองค์ต่อไปให้ชนทุกชาติในโลก พระองค์ทรงดำเนินตามแผนการนี้อย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ ทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสและโปรดปรานพวกเขามาโดยตลอด เมื่อถึงเวลาที่ทรงกำหนด พระองค์ทรงลงมาและประทับอยู่ท่ามกลางมนุษย์อย่างเป็นทางการโดยทางพระเยซูเจ้า เพื่อเผยโฉมพระพักตร์ให้มนุษย์ได้เห็นและได้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดา ทรงความรักและความเมตตาอย่างไม่มีขอบเขต ตลอดชีวิตของพระเยซูเจ้าทรงแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ด้วยชีวิตและด้วยคำเทศน์สอนของพระองค์ ทรงตอกย้ำให้เห็นประจักษ์ว่าความเป็นมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่ เพราะแม้แต่พระเจ้าเองก็ไม่ทรงรังเกิยจที่จะเอากายเป็นมนุษย์เหมือนมนุษย์ทั้งหลายผ่านทางพระมารดามารีย์ผู้ที่พระองค์ได้ทรงเลือกสรรค์ให้มีศักดิ์ศรีเป็นพระมารดาของพระองค์*

วันอังคารที่ 2 มกราคม 2018 ระลึกถึง น.บาซิลและเกรโกรีแห่งเมืองนาซีอันเซน พระสังฆราชและนักปราชญ์

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง     1 ยน 2:22-28
     ลูกที่รักทั้งหลาย ใครเป็นคนพูดคำเท็จ ถ้าไม่ใช่คนที่พูดว่า พระเยซูไม่ใช่พระคริสตเจ้า ผู้นี้คือปฏิปักษ์ของพระคริสตเจ้า เขาปฏิเสธทั้งพระบิดาและพระบุตร ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตรก็ไม่มีพระบิดา คนที่ยอมรับพระบุตรย่อมมีพระบิดาด้วย ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านฟังมาตั้งแต่แรกเริ่มนั้นคงอยู่ในท่าน ท่านก็ดำรงอยู่ในพระบุตร และในพระบิดา พระสัญญาที่พระองค์ประทานไว้ก็คือชีวิตนิรันดร ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายแล้ว เกี่ยวกับบุคคลที่พยายามชักนำให้หลงผิด แต่สำหรับท่าน การได้รับเจิมจากพระองค์ยังคงอยู่ในท่าน และไม่จำเป็นต้องให้ใครมาสอนท่านอีก เพราะการเจิมของพระองค์นั้นสอนทุกสิ่งให้ท่าน และเพราะการเจิมนั้นเป็นจริงและไม่หลอกลวง จงดำรงอยู่ในพระองค์ตามคำสั่งสอนที่ท่านได้รับมา ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำรงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอายในวันที่พระองค์เสด็จมา

สดด 98:1-2,3-4

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                   ยน 1:19-28
     ยอห์นเป็นพยานดังนี้ เมื่อชาวยิวจากกรุงเยรูซาเล็มส่งบรรดาสมณะและชาวเลวีไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใคร” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์” ดังนั้น เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นใคร เป็นเอลียาห์หรือ” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์” “ท่านเป็นประกาศกหรือ” เขาตอบอีกว่า “ไม่ใช่” เขาเหล่านั้นจึงถามว่า “ท่านเป็นใคร เราจะได้นำคำตอบไปให้ผู้ที่ส่งเรามา ท่านพูดถึงตนเองอย่างไร” ยอห์นตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า จงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้
     ผู้ที่ถูกส่งไปถามนั้นเป็นชาวฟาริสี เขาถามยอห์นอีกว่า “ทำไมท่านจึงทำพิธีล้าง ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ ไม่ใช่เอลียาห์ และไม่ใช่ประกาศก” ยอห์นตอบพวกเขาว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่มีผู้หนึ่งประทับอยู่ในหมู่ท่าน เป็นผู้ที่ท่านไม่รู้จัก ผู้นั้นมาภายหลังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา” เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานี อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งยอห์นกำลังทำพิธีล้างอยู่

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าทรงยืนยันเสมอว่าพระองค์กับพระบิดาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะนั่นเป็นความจริง หากยอมรับคำยืนยันของพระองค์ มนุษย์ก็น่าจะภาคภูมิใจและอบอุ่นใจ เพราะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงเป็นและทุกอย่างที่พระองค์ทรงสอน ล้วนมาจากพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เสด็จมาอยู่ท่ามกลางมนุษย์ในฐานะ "เอมมานูเอล" ทว่า หลายคนในสมัยนั้นยังรับไม่ได้ และคิดว่าพระเยซูเจ้าทรงยกตนขึ้นเสมอพระเจ้า พร้อมกันนั้นก็กล่าวหาว่าพระองค์ตรัสผรุสวาท นักบุญยอห์นจึงยืนยันความจริงที่ว่าหากไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าซึ่งเป็นพระบุตร ก็เป็นการไม่ยอมรับพระบิดาด้วย ยอห์นผู้ทำพิธีล้างเข้าถึงความจริงนี้เมื่อท่านยืนยันว่าพระคริสต์เสด็จมาแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม 2018 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง      1 ยน 3:7-10
     ลูกที่รักทั้งหลาย จงอย่าให้ใครชักนำท่านให้หลงผิด ผู้ประพฤติชอบย่อมเป็นผู้ชอบธรรมดังที่พระองค์ ทรงเป็นผู้เที่ยงธรรม ผู้ที่ทำบาปย่อมมาจากปีศาจ เพราะปีศาจนั้นทำบาปมาตั้งแต่แรกเริ่ม พระบุตรของพระเจ้าทรงสำแดงพระองค์ เพื่อทรงทำลายงานของปีศาจ ทุกคนที่บังเกิดจากพระเจ้าย่อมไม่ทำบาป เพราะเชื้อชีวิต ของพระเจ้าดำรงอยู่ในตัวเขา และเขาไม่อาจทำบาปได้ เพราะเขาบังเกิดจากพระเจ้า เราจำแนกบุตรของพระเจ้าจากบุตรของปีศาจได้โดยวิธีนี้ คือทุกคนที่ไม่ประพฤติชอบ และไม่รักพี่น้องของตน ก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า

สดด 98:1-2,7-8,9

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 1:35-42
     วันรุ่งขึ้น ยอห์นกำลังยืนอยู่ที่นั่นกับศิษย์สองคน เมื่อเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จผ่านไป จึงพูดว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า” เมื่อศิษย์ทั้งสองคนได้ยินยอห์นพูดดังนี้จึงติดตามพระเยซูเจ้าไป พระเยซูเจ้าทรงหันพระพักตร์มาทอดพระเนตรเห็นเขากำลังติดตามพระองค์ จึงตรัสถามว่า “ท่านทั้งหลายแสวงหาอะไร” เขาทูลตอบว่า “รับบี” แปลว่า พระอาจารย์ “พระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ไหน” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “มาดูซิ” เขาจึงไปดู เห็นที่ประทับของพระองค์ และพักอยู่กับพระองค์ในวันนั้น ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายสี่โมง
     อันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตรเป็นคนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินคำพูดของยอห์น และตามพระเยซูเจ้าไป อันดรูว์พบซีโมนพี่ชายเป็นคนแรก จึงพูดว่า “เราพบพระเมสสิยาห์แล้ว” พระเมสสิยาห์ หรือพระคริสตเจ้า แปลว่า ผู้รับเจิม เขาพาพี่ชายไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นเขา จึงตรัสว่า “ท่านคือซีโมนบุตรของยอห์น ท่านจะมีชื่อว่า ‘เคฟาส’ แปลว่า ‘เปโตร’ หรือ ‘ศิลา’”

 

ข้อคิด
     นักบุญยอห์นเป็นผู้ที่สอนเข้าถึงประเด็นและเป็นรูปธรรม ท่านชี้ให้เห็นชัดเจนว่าคนที่สำนึกว่าตนเป็นบุตรพระเจ้าย่อมตั้งมั่นอยู่ความชอบธรรม ความดีและความรัก เพราะพระเจ้าทรงเป็นความชอบธรรม ความดีและความรัก การเป็นบุตรพระเจ้าไม่ใช่เกิดมาเป็น แต่ต้องสร้างความเป็นบุตรพระเจ้าด้วยการยึดมั่นในความชอบธรรม ปฏิบัติความดีและมีความรักเป็นที่ตั้ง เมื่อนั้นจึงจะได้ชื่อว่า "คริสตชน" แท้จริง เป็นชื่อที่พระเจ้าทรงตั้งให้เราแต่ละคน เป็นชื่อที่บ่งบอกความเป็นและบทบาทหน้าที่ ดังที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งชื่อใหม่ให้ซีโมน

วันพุธที่ 3 มกราคม 2018 พระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง     1 ยน 2:29-3:6
     ลูกที่รักทั้งหลาย ถ้าท่านรู้ว่า พระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็ต้องยอมรับว่าทุกคนที่ประพฤติชอบ ย่อมบังเกิดจากพระองค์
จงดูเถิดว่า ความรักที่พระบิดาประทานให้เรานั้นยิ่งใหญ่เพียงใด เพื่อทำให้เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า และเราก็เป็นเช่นนั้นจริง โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์ ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้ เราเป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว แต่เราจะเป็นอย่างไรในอนาคตนั้นยังไม่ปรากฏชัดแจ้ง เราตระหนักดีว่า เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะเราจะได้เห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
     ทุกคนที่มีความหวังในพระองค์ ย่อมชำระใจของตนให้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์ ทุกคนที่ทำบาป ย่อมฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ เพราะบาปเป็นการฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ ท่านทั้งหลายตระหนักดีแล้วว่า พระองค์ทรงปรากฏเพื่อทรงลบล้างบาปให้สิ้นไป และไม่มีบาปใดในพระองค์ ทุกคนที่ดำรงอยู่ในพระองค์ย่อมไม่ทำบาป และทุกคนที่ทำบาป ย่อมไม่เคยเห็นและไม่รู้จักพระองค์

สดด 98:1-2,3-4,5-6

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 1:29-34
     วันรุ่งขึ้น ยอห์นเห็นพระเยซูเจ้าเสด็จมาหาตน จึงกล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก ผู้นี้คือผู้ที่ข้าพเจ้าเคยพูดถึงว่า ‘บุรุษผู้หนึ่งมาภายหลังข้าพเจ้า แต่นำหน้าข้าพเจ้า เพราะอยู่มาก่อนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ข้าพเจ้าถูกส่งมาให้ทำพิธีล้าง เพื่อทำให้พระองค์เป็นที่รู้จักแก่อิสราเอล’” ยอห์นยังยืนยันอีกว่า “ข้าพเจ้าเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เหมือนนกพิราบ และทรงอยู่เหนือพระองค์ ข้าพเจ้าไม่รู้จักพระองค์ แต่ผู้ที่ทรงส่งข้าพเจ้ามาใช้น้ำทำพิธีล้าง ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเห็นพระจิตเจ้าเสด็จลงมาประทับอยู่เหนือผู้ใด ผู้นั้นคือผู้ที่ทำพิธีล้างเดชะพระจิตเจ้า’ ข้าพเจ้าเห็นและเป็นพยานยืนยันว่าท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”

 

ข้อคิด
     พระเยซูเจ้าเสด็จมาด้วยภารกิจยิ่งใหญ่สำหรับมนุษยชาติ เสด็จมาเพื่อคืนศักดิ์ศรีให้มนุษย์ มนุษย์เคยมีศักดิ์ศรีแห่งการเป็นพระฉายาพระเจ้า แต่ต้องสูญเสียศักดิ์ศรีไปเพราะเลือกทำตามใจชอบ มากกว่าจะทำตามที่พระเจ้าทรงสั่งให้ทำ มนุษย์ทำบาปและตกเป็นทาสของบาป เพื่อการนี้ พระเยซูเจ้าทรงยอมตายเพื่อไถ่กู้มนุษย์ให้พ้นจากบาปและการเป็นทาส ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากคืนศักดิ์ศรีให้มนุษย์แล้ว พระองค์ทรงยกศักดิ์ศรีมนุษย์ขึ้นสู่การเป็นบุตรพระเจ้า กระนั้นก็ดี นักบุญยอห์นยืนยันว่าศักดิ์ศรีนี้ขึ้นกับแต่ละคนว่าจะดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับศักดิ์ศรีนี้หรือไม่ พระบิดาทรงเป็นความดี คนที่เป็นบุตรของพระองค์ต้องเป็นคนดีด้วย

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2018 เทศกาลพระคริสตสมภพ

บทอ่านจากจดหมายนักบุญยอห์นอัครสาวก ฉบับที่หนึ่ง    1 ยน 3:11-21
     ลูกที่รักทั้งหลาย นี่คือคำสอนที่ท่านทั้งหลายได้ฟังมาตั้งแต่แรกเริ่ม คือเราจงรักกัน อย่าเป็นเหมือนกาอิน ซึ่งมาจากมารร้าย และฆ่าน้องชายของตน เหตุใดเขาจึงฆ่าน้องชาย เพราะการกระทำของเขาเลวร้าย แต่การกระทำของน้องชายชอบธรรม พี่น้องทั้งหลาย อย่าแปลกใจเลยถ้าโลกเกลียดชังท่าน เรารู้ว่า เราผ่านพ้นความตายมาสู่ชีวิตแล้ว เพราะเรารักพี่น้อง ผู้ใดไม่มีความรัก ย่อมดำรงอยู่ในความตาย ทุกคนที่เกลียดชังพี่น้องของตน ย่อมเป็นฆาตกร และท่านก็รู้ว่า ไม่มีฆาตกรคนใดมีชีวิตนิรันดรอยู่ในตน เรารู้จักความรักจากการที่พระองค์ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา เราจึงควรสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้องเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติของโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขาดแคลน แต่ยังมีใจแคบต่อเขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นได้อย่างไร
ลูกที่รักทั้งหลาย เราอย่ารักกันแต่ปาก เพียงด้วยคำพูดเท่านั้น แต่เราจงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง จากการกระทำนี้ เราจะรู้ว่าเราอยู่กับความจริง เราจะมั่นใจเฉพาะพระพักตร์พระองค์ แม้ใจของเราอาจจะยังกล่าวโทษเราอยู่ก็ตาม เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าใจของเรา และทรงล่วงรู้ทุกสิ่ง ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าใจของเราไม่กล่าวโทษเรา เราย่อมมั่นใจได้เมื่ออยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

สดด 100:1-4,5

 

บทอ่านจากพระวรสารนักบุญยอห์น                                ยน 1:43-51
     วันรุ่งขึ้น พระเยซูเจ้าทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี ทรงพบฟีลิปและตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามาเถิด” ฟีลิปมาจากเมืองเบธไซดาเช่นเดียวกับอันดรูว์และเปโตร ฟีลิปพบนาธานาเอล และบอกเขาว่า “เราพบผู้ที่โมเสสในธรรมบัญญัติและบรรดาประกาศกเขียนถึง ผู้นั้นคือพระเยซูบุตรของโยเซฟ ชาวนาซาเร็ธ” นาธานาเอลจึงพูดกับฟีลิปว่า “จะมีอะไรดีมาจากนาซาเร็ธได้รึ” ฟีลิปตอบว่า “มาดูซิ” พระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนาธานาเอลเข้ามาเฝ้า จึงตรัสถึงเขาว่า “นี่คือชาวอิสราเอลแท้ เป็นคนไม่มีมารยา” นาธานาเอลทูลถามว่า “พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศ” นาธานาเอลทูลตอบว่า “รับบี พระองค์เป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านเชื่อเพราะเราพูดว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อเทศหรือ ท่านจะเห็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก” แล้วพระองค์ตรัสเสริมว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะเห็นท้องฟ้าเปิด และจะเห็นบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นลงรับใช้บุตรแห่งมนุษย์”

 

ข้อคิด
     นักบุญยอห์นได้รับการขนานนามว่าสาวกแห่งความรัก เพราะท่านได้เข้าถึงความรักของพระเยซูเจ้าอย่างเป็นรูปธรรม ถึงขนาดมีบุญได้แนบศีรษะของที่พระอุระของพระเยซูเจ้าและได้ยืนอยู่เชิงไม้กางเขนในขณะที่พระองค์สิ้นพระชนม์ตามที่พระองค์ตรัสไว้ "ไม่มีใครรักเพื่อนเท่ากับคนยอมตายแทนเพื่อน" ท่านจึงอยากให้ศิษย์ของพระเยซูเจ้าเลียนแบบวิธีรักของพระองค์ รักด้วยเสียสละ รักด้วยชีวิต ไม่ใช่ด้วยคำพูด คนที่จะรักได้แบบนี้ต้องดำเนินชีวิตแต่ละวันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเยซูเจ้าและซึมซับพลังแห่งความรักจากพระองค์ เหมือนศิษย์ของพระองค์ที่ร่วมชีวิตกับพระองค์ก่อนที่พระองค์จะทรงแต่งตั้งให้เป็นสาวกเพื่อประกาศข่าวดีของพระองค์