www.catholic.or.th

มีข้อผิดพลาด
  • JLIB_DATABASE_ERROR_FUNCTION_FAILED

1 มกราคม สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า

 

 สมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเป็นเจ้า

 

     วันที่ 8 หลังจากการฉลองพระคริสตสมภพ ( 25 ธันวาคม ) เราคริสตชนทำการฉลอง “พระนางมารีย์ พระชนนีพระเจ้า” แต่ว่า วจนพิธีกรรมในวันฉลองวันนี้แทนที่จะเน้นที่ “พระนางมารีอา” กลับไปเน้นที่ “พระบุตรของพระนางและพระนามของพระบุตร”

     นักบุญเปาโลได้ย้ำถึงผลงานของการช่วยให้รอดที่ได้สำเร็จลงในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งพระนางมารีอาเองก็ได้มีส่วนอยู่ด้วย เพราะว่าเป็นพระนางเองที่พระบุตรพระเป็นเจ้าสามารถเสด็จลงมาในโลกนี้ในฐานที่ทรงเป็นมนุษย์จริง ๆ คนหนึ่ง ส่วนพระวรสารของวันนี้ได้จบลงด้วยการตั้งพระนาม “เยซู” ให้กับพระผู้เพิ่งได้บังเกิดมา  ในขณะที่พระนางมารีย์ทรงมีส่วนร่วมในรหัสธรรมของพระบุตรพระเป็นเจ้าองค์นี่อย่างเงียบๆ

     แม้ว่าวจนพิธีกรรมในการฉลองในวันนี้จะมุ่งความสนใจไปหา “องค์พระบุตร”แต่ก็มิได้ทำ ให้บทบาทของผู้ที่เป็น “พระชนนีพระเจ้า” ด้อยลงไปแต่อย่างใด การที่พระนางมารีย์เป็นพระชนนีพระเจ้าจริง ๆ ก็เพราะความสัมพันธ์ที่พระนางมีต่อพระบุตรอย่างแนบแน่นนั่นเอง ดังนั้น ยิ่งเราคริสตชนจะให้ความคารวะต่อพระนางเพียงใด พระบุตรก็ยิ่งจะได้รับการถวายพระเกียรติมากขึ้นเท่านั้น

     การที่เราเรียกพระนางมารีย์ว่าเป็นพระชนนีพระเจ้า เป็นการแสดงให้เห็นถึงภาระหน้าที่ที่พระนางมีในประวัติศาสตร์แห่งความรอด  และจากข้อเท็จจริงประการนี้แหละที่เป็นที่มาของความศรัทธาภักดีชนิดต่างๆ ที่บรรดาคริสตชนมีต่อพระนางมารีย์ เพราะว่าพระนางได้รับพระคุณมากมายจากพระเป็นเจ้ามิใช่สำหรับพระนางแต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าเพื่อจะนำพระคุณ เหล่านั้นไปให้กับมวลมนุษย์อีกทอดหนึ่ง

พระชนนีพระเจ้าและพระมารดาของมนุษยชาติ

     พระนาม “เยซู” อันมีความหมายว่า “พระเจ้าทรงช่วยให้รอด” ได้ช่วยนำเราให้เข้าสู่ธรรมล้ำลึกของพระคริสตเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม คือ จากการรับเอากายในครรภ์ของพระมารดา โดยเดชะพระจิต จนถึงการบังเกิด การเข้าพิธีสุหนัต และไปสิ้นสุดที่รหัสธรรมปาสกาคือที่การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพ พระเยซูเจ้าจึงเป็นพระพรที่ครบบริบูรณ์ของพระเจ้า  เป็นพระพรของการช่วยให้รอด และเป็นสันติภาพสำหรับมนุษย์ทุกคน

     พวกเราได้รับการช่วยให้รอดในพระนามของพระองค์  (กจ. 2:21; รม.10:10,13) แต่ว่าการช่วย ให้รอดนี้ได้มาสู่มวลมนุษย์โดยผ่านทางพระนาง    มารีย์ และพระนางได้แบ่งปันพระคุณนี้ให้กับประชากรของพระเจ้า  ดังเช่นที่เมื่อครั้งหนึ่งพระนางได้ให้กับพวกคนเลี้ยงแกะ  พระนางมารีอาได้ให้ชีวิตมนุษย์แก่พระบุตรพระเจ้า และได้แบ่งปันชีวิตพระให้กับมนุษย์สืบมา ด้วยเหตุนี้ พระนางจึงได้รับการคารวะให้เป็นพระมารดาของมนุษย์ทุกคนซึ่งพระนางได้กำเนิดชีวิตพระให้

     เช่นเดียวกับบรรดาคริสตศาสนิกชนทั้งหลาย พวกเราให้ความคารวะแด่พระนางมารีย์พรหมจารี ผู้ซึ่งพระสังคายนา ณ เมืองเอเฟซัส ได้ประกาศอย่างสง่าว่าพระนางทรงเป็นพระชนนีของพระเจ้าเพราะพระคริสตเจ้าได้เป็นที่ยอมรับว่าเป็นบุตรพระเจ้าและเป็นมนุษย์ด้วย(UR 15)

พระมารดาแห่งสันติภาพ

     ในพระนามของพระนางมารีย์  พระชนนีพระเจ้าและมารดาของปวงมนุษย์ ที่ทั่วโลกทำการฉลอง “วันแห่งสันติภาพ”   ในวันนี้เป็นสันติภาพที่พระนางได้ค้นพบในความรักต่อองค์พระเจ้า เป็นสันติภาพที่พระเยซูเจ้าได้นำมาให้กับมนุษย์ทุกคนที่มีความเชื่อในพลังแห่งความรัก

     สันติภาพในความหมายของพระคัมภีร์คือ พระคุณสุดวิเศษของพระแมสซียาห์ซึ่งหมายถึงการช่วย ให้รอดที่พระเยซูเจ้าได้นำมาให้ และการที่เราได้คืนดีและมีสันติกับพระเจ้า นอกนั้นสันติภาพยังเป็นค่านิยมสูงส่งที่มนุษย์ทุกคนจะต้องพยายามช่วยกันสร้างสรรขึ้นมาให้ได้เป็นต้นในระดับนานาชาติ

     ความเชื่อในพระคริสตเจ้า  สันติภาพระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ และสันติภาพระหว่างมนุษย์ด้วยกัน เป็นภาระหน้าที่ที่คริสตชนทั้งหลายจะต้องมีบทบาทอย่างเต็มที่เสียก่อน เพราะว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่จะก่อให้เกิดสันติภาพในโลกโดยทั่วๆ ไป สันติภาพของพระคริสตเจ้ามิได้แตกต่างอะไรไปจากสันติภาพที่มนุษย์ทุกคนปรารถนาอยากได้ จึงควรที่เราทุกคนจะได้อุทิศชีวิตเพื่อจะได้มาซึ่งสันติภาพดังกล่าวนี้

     พระศาสนจักรไม่เคยหยุดที่จะให้ความสนใจถึงความจำเป็น ที่เราทุกคนจะต้องมีส่วนช่วยกันสร้างสันติภาพที่แท้จริง สันติภาพที่แท้จริงนี้ต้องตั้งอยู่บนความจริง ความยุติธรรม ความรัก และเสรีภาพ ซึ่ง เปรียบเสมือนเสาหลัก 4 ต้นของบ้านแห่งสันติภาพที่เปิดกว้างต้อนรับทุกๆคน(พระสันตะปาปายอห์น ที่ 23, 11-4-1963)

ต้องยุติสงครามและการสร้างอาวุธ 

     พระสันตะปาปาปอล ที่ 6  ได้กล่าวไว้ในโอกาสเสด็จไปที่องค์การ   สหประชาชาติที่กรุงนิวยอร์ค ว่า “...จะต้องหยุดการต่อสู้หักล้างกันเสียที...พฤติกรรมเช่นนี้จะต้องไม่มีอีกต่อไป...  และด้วยจุดประสงค์ดังกล่าวสหประชาชาติจึงได้เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาสำหรับยุติสงครามและสร้างสันติภาพขึ้นแทน พวกเรายังคงจำคำพูดของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยอห์น เอฟ เคนาดี้ ได้  ที่กล่าวว่า “มนุษยชาติจะต้องยุติสงครามให้ได้ หรือจะให้สงครามยุติพวกเรา”  ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูดมากมายสำหรับประกาศเป้าหมายอันสูงส่งของสถาบันแห่งนี้ (=สหประชาชาติ) ให้เราเพียงแต่คิดถึงหยาดเลือดของมนุษย์จำนวนนับล้านๆ และความทุกข์ทรมานอีกนับจำนวนไม่ถ้วนที่มักจะเงียบหายเข้าไปในกลีบเมฆ รวมทั้งซากปรักหักพังต่างๆ ฯลฯ สิ่งต่าง ๆ  เหล่านี้ได้พยายามที่จะช่วยสร้างสรรสันติภาพ และกำลังหาหนทางที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ในอนาคตของโลกให้จงได้ คือ จงยุติสงครามเสียเถิด 

“สันติภาพจะต้องคอยนำโชคชะตาของปวงชนและมนุษยชาติทั้งหมดถ้าพวกท่านต้องการเป็นพี่น้องกันก็จงปลดอาวุธเสีย เราไม่สามารถรักกันได้โดยที่ยังมีอาวุธร้ายอยู่ในมือ” (สุนทรพจน์ที่องค์การสหประชาชาติ 4 ตุลาคม 1995)