หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

"บทความจาก CATHOLIC WORLD TOUR" / เรียบเรียง โดย...แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ  อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

พระสันตะปาปาย้ำคาทอลิกและมุสลิมต้องทำงานเพื่อพระเจ้าร่วมกัน  / 7 พฤศจิกายน 2008
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงต้อนรับนักวิชาการมุสลิม 28 คนที่เดินทางมาเข้าเฝ้าภายในหอประชุมเคลเมนติน่า นครรัฐวาติกัน เพื่อร่วมเสวนาศาสนสัมพันธ์ ตามคำเชิญของพระองค์ โอกาสนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงย้ำกับพวกเขา ความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว หมายถึง คาทอลิกกับมุสลิมต้องร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า
 
 เมื่อช่วงสายของวันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะ ปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงต้อนรับผู้แทนนักวิชาการมุสลิมจำนวน 28 คน ที่เดินทางมาร่วมเสวนาศาสนสัมพันธ์ตามคำเชิญของพระองค์ โดยสิ่งสำคัญของการเสวนาวันสุด ท้าย พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงให้ข้อคิด การประกาศความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียว เป็นเครื่องหมายให้คาทอลิกและมุสลิม ต้องเคารพกันและกัน อีกทั้ง ต้องร่วมมือกันปกป้องสิทธิมนุษยชนและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก

การเสวนาศาสนสัมพันธ์นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2008 ภายใต้หัวข้อ "รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์" โดยความเป็ นมาของงานดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2007 เมื่อนักวิชาการมุสลิม 138 คน ส่งจดหมายเปิดผนึกมาหาพระสันตะปาปา พร้อมร้องขอให้เกิดการเสวนาศาสนสัมพันธ์แบบเป็นกันเอง เพื่อให้ศาส นิกชน 2 ฝ่าย มีความเข้าใจกันมากขึ้น จากนั้น วันที่ 19 พฤศจิกายน 2007 พระสันตะปาปาทรงตอบตกลงกลับไป พร้อมแจ้งว่า การเสวนาควรจัดภายใต้เนื้อหาเสรีภาพในการนับถือศาสนา และการเคารพความศักดิ์สิทธิ์ที่มีในตัวมนุษย์แต่ละคน

การมาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา เป็นพิธีสุดท้ายของงานเสวนาฯ ประมุขสูงสุดของชาวคาทอลิก ทรงต้อนรับและทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มอย่างอบอุ่น จากนั้น ทรงกล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษ ใจความว่า "พระบัญญัติเรื่องรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ คื อ หัวใจสำคัญของศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ดังนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไม เราต้องก้าวเดินไปด้วยกัน"

"สาเหตุที่ข้าพเจ้าเลือกหัวข้อ "รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์" ก็เพราะ ต้องการย้ำว่า นี่คือแก่นแท้ของศาสนาทั้งสอง (อิสลามและคริสต์) ตามจารีตประเพณีคริสตศาสนา เราจะประกาศว่า พระเจ้าคือความรัก พระองค์ทรงสร้างจักรวาล ด้วยความรัก และด้วยความรักนี้เอง พระเจ้าทรงประทานพระเยซูคริสต์ พระบุตรแต่องค์เดียว ให้ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ ยอมสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์ พระเจ้าทรงกระทำเช่นนี้ เพื่อฟื้นฟูความศักดิ์สิทธิ์ทั้งครบภายในตัวมนุษย์แต่ ละคน พระองค์ทำเพื่อนำความรอดมามอบให้กับเราทั้งมวล"

พระสันตะปาปา ผู้ทรงพระชนมายุ 81 ชันษา ตรัสต่อไปว่า "ชาวมุสลิมและชาวคริสต์ เชื่อว่า เรามีพระเจ้าองค์เดียวกัน ฉะนั้ น เราต้องแสดงเรื่องนี้(พระเจ้าองค์เดียวกัน)ให้โลกได้รับรู้ ผ่านทางการเคารพและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราต้องมองว่า ชาวคริสต์และชาวมุสลิมเป็นครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวที่พระเจ้าทรงมอบความรักและรวมเราให้เดินไปด้วย กัน ตั้งแต่วันสร้างโลกจนถึงวันสิ้นพิภพ"

"รักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ ยังเรียกร้องให้เราเคารพความศักดิ์สิทธิ์ ที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์แต่ละคนด้วย คว ามศักดิ์สิทธิ์นี้ เราพบได้ในเสรีภาพส่วนบุคคล เฉพาะอย่างยิ่ง เสรีภาพในการนับถือศาสนา และปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ"


ประเด็นเสรีภาพในการนับถือศาสนา ถือเป็นเรื่องที่ พระสันตะปาปานักเทวศาสตร์ระดับตำนาน ทรงเน้นทุกครั้งเมื่อมีโอกาสได้พูดคุ ยกับผู้นำชาติมุสลิม เรื่องนี้ ถูกนำเข้าที่ประชุมเสวนาฯ ระหว่างวันที่ 4-5 พฤศจิกายน โดยนักวิชาการมุสลิมบางคน โต้แย้งว่า ถ้าพร ะศาสนจักรคาทอลิกจะตำหนิเรื่องเสรีภาพนับถือศาสนาในประเทศมุสลิม ต้องชี้นิ้วไปที่ผู้นำทางการเมืองก่อน เพราะคนพวกนี้ เป็นผู้ออกกฏหมายภายในประเทศ ส่วนผู้นำศาสนา มีส่วนรู้เห็นน้อยมาก

กระนั้น พระสันตะปาปา มองว่า มันเป็นเรื่องของผู้นำรัฐและศาสนาในประเทศนั้น ต้องหาทางออกร่วมกันให้ได้ ไม่ใช่มัวแต่โทษกั นไปมาแบบนี้ "ผู้นำการเมืองและผู้นำศาสนา มีหน้าที่เสริมสร้างสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนาให้คนในประเทศ พวกท่านต้องร่ว มมือกันส่งเสริมเสรีภาพทางศาสนาที่พระเจ้าประทานให้ อีกประการหนึ่ง ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้นำศาสนา เราต้องปลูกฝังวัฒนธร รมแห่งสันติภาพให้กับมนุษย์ทุกคน นี่คือพระประสงค์ของพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างโลกมาให้มนุษย์อยู่อาศัยร่วมกันอย่างสันติ มิใช่ สร้างโลกให้เป็นสมรภูมิรบราฆ่าฟันกัน"

ในตอนท้าย พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ทรงสรุปด้วยการขอให้คริสต์และอิสลาม ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันในการทำงานเพื่อประกาศพระนามของพระเจ้า "ขอให้เราร่วมมือร่วมใจกัน เอาชนะความเข้าใจผิดและความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้น เพื่อจะได้เป็น หนึ่งเดียวกันในการประกาศมรดกทางความเชื่อ ซึ่งเราใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ให้โลกได้รับรู้และเข้าใจอย่างถูกต้องด้วย"

อนึ่ง เป็นที่สังเกตว่า ตลอด 40 นาทีในการเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา ไม่มีใครกล่าวถึง "สุนทรพจน์สะท้านโลก" ซึ่ง สมเด็จพระสันตะ ปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ตรัสไว้ ณ มหาวิทยาลัยเรเกนส์บวร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อปี 2006 อันนำความเดือดดาลมาสู่โลกมุสลิม และทำให้ชาวคริสต์ถูกฆ่าตายไปบางส่วน

Christians and Muslims Called by God to Work Together

ภาพ : AP, AFP, Reuters, Daylife, Catholic World Tour