ฟาติมาสาร : อัศจรรย์จากโป๊ป จอห์น ปอล ที่ 2 ที่วาติกันรับรอง / 18 กันยายน  2011

วันนี้ เราจะนำทุกท่านไปติดตามจดหมายที่ “ซิสเตอร์มารีย์-ซิมง ปิแอร์” บอกเล่าลำดับเหตุการณ์การหายจากโรคพาร์กินสันผ่านทางการสวดขอพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2

การหายจากโรคครั้งนี้ คณะแพทย์ลงความเห็นว่า “ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาอธิบายได้” ต่อมา วาติกันได้ประกาศรับรองว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความจริงทุกประการ และอัศจรรย์นี้จะถูกใช้เป็นหลักฐานในการประกาศให้พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เป็นบุญราศีด้วย 

......................................

                                                 ซิสเตอร์บอกเล่าอัศจรรย์ของเธอ


                                                                     เรียบเรียง โดย มองซินญอร์ วิษณุ ธัญญอนันต์
                                                                                                 วศิน มานะสุรางกูล


ซิสเตอร์ป่วยด้วยโรคพาร์กินสันในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2001 โรคนี้เกิดกับร่างกายซีกซ้ายซึ่งทำให้ซิสเตอร์ประสบความยากลำบาก เนื่องจากซิสเตอร์เป็นคนถนัดมือซ้าย อาการป่วยขั้นแรกเป็นไปแบบช้าๆ แต่หลังผ่านไป 3 ปี อาการก็เลวร้ายลงไปอีก กล่าวคือ ร่างกายสั่นมากขึ้น มีอาการเกร็งที่แขนและลำตัวมากขึ้น มีอาการปวด และนอนไม่หลับ

นับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน ค.ศ.2005 ซิสเตอร์เริ่มแย่ลงไปอีกแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์ แต่ละวัน เรี่ยวแรงหดหายไปเรื่อยๆ ซิสเตอร์ไม่สามารถเขียนหนังสือได้ (ด้วยมือซ้ายตามที่กล่าวไป) หรือถ้าจะพยายาม สิ่งที่เขียนก็แทบอ่านไม่ออกเลย ซิสเตอร์ไม่สามารถขับรถไปไหนได้ไกลๆ ยกเว้นจะเป็นระยะใกล้ๆ เพราะบางครั้ง ขาซ้ายมันขยับเขยื้อนไม่ได้ การไปไหนมาไหนนานๆและอาการเกร็งทำให้การขับรถเป็นไปด้วยความยากลำบาก ยิ่งไปกว่านั้น ซิสเตอร์ต้องใช้เวลามากขึ้นเสมอๆระหว่างการปฏิบัติงานที่ในโรงพยาบาล ซิสเตอร์อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างแท้จริง

หลังจากล้มป่วยด้วยโรคนี้ มันเป็นเรื่องยากสำหรับซิสเตอร์ที่จะติดตามสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ผ่านทางโทรทัศน์ อย่างไรก็ตาม ซิสเตอร์รู้สึกใกล้ชิดกับพระองค์ในคำภาวนา และรู้ว่าพระองค์ทรงเข้าใจสิ่งที่ซิสเตอร์กำลังเป็นอยู่ ซิสเตอร์ชื่นชมความเข้มแข็งและความกล้าหาญของพระองค์ สิ่งนี้กระตุ้นซิสเตอร์ไม่ให้ยอมแพ้และรักความทุกข์ทรมานครั้งนี้ มีเพียงความรักเท่านั้นที่จะมอบความหมายแท้จริงของสิ่งเหล่านี้ได้ มันคือการดิ้นรนแบบวันต่อวันก็ว่าได้ แต่ความปรารถนาเดียวของซิสเตอร์ก็คือการดำเนินชีวิตในความเชื่อและยึดมั่นต่อความรักตามพระประสงค์ของพระบิดา

ช่วงปาสกา 2005 ซิสเตอร์ต้องการจะเห็นพระสันตะปาปาของพวกเราผ่านทางโทรทัศน์ เพราะลึกๆในใจแล้ว ซิสเตอร์รู้ว่า มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัวเองจะสามารถทำสิ่งนี้ได้ ตลอดเช้าวันนั้น ซิสเตอร์เตรียมตัวสำหรับ “การพบหน้ากัน” (พระสันตะปาปาทรงเตือนใจสิ่งที่จะเกิดกับซิสเตอร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า) มันเป็นเรื่องยากสำหรับซิสเตอร์ที่จะตายตั้งแต่อายุน้อยๆ อย่างไรก็ตาม งานนี้ สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มันทำให้ซิสเตอร์ไม่สามารถพบกับพระสันตะปาปาได้

ค่ำวันที่ 2 เมษายน ค.ศ.2005 บรรดาสัตบุรุษได้มารวมตัวกันเพื่อร่วมสวดภาวนาที่จัตุรัสมหาวิหารนักบุญเปโตร งานนี้ มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ในฝรั่งเศสผ่านช่องของอัครสังฆมณฑลปารีส (KTO – สถานีโทรทัศน์คาทอลิกซึ่งเจ้าของคืออัครสังฆมณฑลปารีส) ตอนที่มีการประกาศการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา โลกของซิสเตอร์แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซิสเตอร์ได้สูญเสียเพื่อนแต่เพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าใจและมอบความเข้มแข็งกับซิสเตอร์ได้ก้าวต่อไป วันนั้น ซิสเตอร์รู้สึกถึงความว่างเปล่าอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังมั่นใจว่าพระองค์ยังคงอยู่กับพวกเรา




วันที่ 13 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระฟาติมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงประกาศอย่างเป็นทางการให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อเริ่มดำเนินการเรื่องสถาปนาเป็นบุญราศีและนักบุญของผู้รับใช้ของพระเจ้า จอห์น ปอล ที่ 2 วันที่ 14 พฤษภาคม เพื่อนซิสเตอร์ชาวฝรั่งเศสและแอฟริกันได้เริ่มสวดขอพระสันต ะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 เพื่อเสนอคำวิงวอนต่อพระเจ้าสำหรับการรักษาซิสเตอร์ พวกเธอสวดภาวนาอย่างไม่หยุดหย่อน อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนกว่าจะได้รู้ว่าซิสเตอร์หายจากโรค

ช่วงดังกล่าว ซิสเตอร์ยังอยู่ระหว่างการพักรักษาตัว วันที่ 26 พฤษภาคมซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการพัก ซิสเตอร์ได้กลับไปที่คณะ ด้วยความไร้เรี่ยวแรงอย่างสิ้นเชิงเพราะโรคร้ายที่ว่านี้ “ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะพบกับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า” นี่เป็นข้อความจากพระวรสารของนักบุญยอห์นที่ติดตัวซิสเตอร์มานับตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม แต่แล้ววันที่ 1 มิถุนายน ซิสเตอร์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย! ซิสเตอร์ต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อลุกขึ้นยืนและเดิน ช่วงกลางวันของวันที่ 2 มิถุนายน ซิสเตอร์ไปพบกับท่านอธิการเพื่อขออนุญาตหยุดพักจากการปฏิบัติงาน ท่านก็ขอให้ซิสเตอร์พยายามและอดทนอีกนิดจนกว่าจะกลับจากเมืองลูร์ดในเดือนสิงหาคม ท่านยังกล่าวอีกว่า “พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ไม่เคยตรัสคำอำลาเลย” พระองค์อยู่ ณ ที่นั่นอย่างแน่นอนที่ซึ่งมีสันติสุขและความสงบ จากนั้น เวลา 17.00 น. ท่านอธิการได้ยื่นปากกามาและบอกให้ซิสเ ตอร์เขียนคำว่า “จอห์น ปอล ที่ 2” ซิสเตอร์เขียนคำว่า “จอห์น ปอล ที่ 2” ด้วยความยากลำบาก ตอนมองดูลายมือที่อ่านไม่ออกนั้น ซิสเตอร์ยังคงนิ่งเงียบ และวันนั้นก็ผ่านไปเหมือนเช่นเคย




หลังการสวดค่ำตอน 21.00 น. ซิสเตอร์ออกจากห้องทำงานเพื่อกลับไปยังห้องพัก ซิสเตอร์รู้สึกถึง ความจำเป็นที่ต้องจับปากกาและเขียนดู มันคล้ายกับมีใครบางคนสั่งซิสเตอร์ว่า “จับปากกาและเขียนซิ” ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.30 หรือ 21.45 น. คราวนี้ ลายมือของซิสเตอร์อ่านออกได้อย่างสมบูรณ์แบบ! อัศจรรย์! จากนั้น ซิสเตอร์ล้มตัวลงนอนบนเตียง มันน่าทึ่งมาก

วันนั้นเป็นเวลา 2 เดือนพอดีที่สมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 กลับสู่บ้านของพระบิดา ซิสเตอร์ตื่นนอนเวลา 4.30 น. พร้อมความประหลาดใจที่สามารถนอนหลับสนิท ซิสเตอร์ลุกจากเตียงทันที ร่าง กายไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ไม่มีอาการเกร็ง และภายในร่างกาย ซิสเตอร์ก็ไม่รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน จากนั้น จิตใต้สำนึกและความปรารถนาอย่างร้อนรนบอกให้ไปสวดภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิท ซิสเตอร์จึงเข้าไปในวัดประจำคณะและอยู่เฝ้าศีล ซิสเตอร์สัมผัสถึงความรู้สึกส่วนลึกของความสงบและความสบาย กล่าวคือ นี่เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ มันยากเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดได้

ตอนอยู่ต่อหน้าศีลมหาสนิท ซิสเตอร์รำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกแห่งความสว่างซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทรงประพันธ์ไว้ พอ 6 โมงเช้า ซิสเตอร์ก็เดินมาที่วัดน้อยเพื่อภาวนาร่วมกับซิสเตอร์ท่านอื่นๆ ก่อนตามด้วยการร่วมพิธีมิสซา ซิสเตอร์เดินประมาณ 50 เมตรเห็นจะได้ และช่วงที่เดินนั้น แขนซ้ายก็แกว่งไปมาข้างลำตัว มันขยับได้ ซิสเตอร์ยังรู้สึกถึงความเบาและความคล่องตัวซึ่งไม่ได้สัมผัสมาสักพักแล้ว ในระหว่างมิสซา ซิสเตอร์เปี่ยมไปด้วยความชื่นชมยินดีและสันติสุข มันคือวันที่ 3 มิถุนายน วันสมโภชพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ยิ่งของพระเยซูเจ้า ตอนเลิกมิสซา ซิสเตอร์มั่นใจว่าตัวเองได้รับการ รักษาแล้ว มือไม่สั่นอีกต่อไป ซิสเตอร์ออกเดินอีกครั้งเพื่อไปเขียนหนังสือ และเที่ยงวันนั้น ซิสเตอร์ก็หยุดทานยารักษาตัวทันที

วันที่ 7 มิถุนายน ตามตารางแล้ว ซิสเตอร์ได้ไปพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านเส้นประสาทซึ่งรักษาซิสเตอร์มานาน 4 ปี คุณหมอประหลาดใจมาก ท่านลงบันทึกว่าอาการของโรคร้ายหายไปในพริบตา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ต้องมีการหยุดให้ยาเป็นระยะ เป็นเวลา 5 วันก่อนจะมาพบคุณหมอด้วย วันต่อมา ท่ านอธิการิณีได้ขอให้ทุกคนในคณะขอบคุณพระเจ้า อารามทุกแห่งจึงเริ่มสวดนพวารขอบคุณสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2




ตอนนี้ มันก็ 10 เดือนแล้วนับตั้งแต่การรักษาทุกชนิดเกิดขึ้น ซิสเตอร์ได้กลับไปทำงานตามปกติ ซิสเตอร์ไม่ พบความยากลำบากในการเขียนหนังสือและแม้แต่การขับรถเป็นระยะทางไกลๆ ซิสเตอร์รู้สึกราวกับว่าตัวเองได้เกิดใหม่ มันเป็นชีวิตใหม่ เพราะชีวิตไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

ทุกวันนี้ ซิสเตอร์สามารถพูดได้เลยว่า เพื่อนคนที่ลาจากโลกนี้ไป ตอนนี้ เขามาอยู่ใกล้หัวใจของซิสเตอร์มากยิ่งขึ้น เขาทำให้ความปรารถนาในการเทิดทูนศีลมหาสนิทและความรักต่อมิสซา ซึ่งเป็นความสำคัญสูงสุดในชีวิตประจำวันของซิสเตอร์ เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าประทานให้ซิสเตอร์ได้ดำเนินชีวิตผ่านทา งคำเสนอวิงวอนของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ถือเป็นพระธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่ มันยากจะอธิบายเป็นคำพูด ... แต่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า

และมันก็เป็นความจริงแท้ที่ว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อ ท่านจะพบกับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า”

ซิสเตอร์ มารีย์-ซิมง ปิแอร์

หมายเหตุ - ฟาติมาสารฉบับนี้ ถูกตีพิมพ์ในสารวัดแม่พระฟาติมา ดินแดง เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2008