ค้นหาข้อมูล :

พระสันตะปาปาชี้ถ้ำพระกุมารคือการย้ำพระเยซูเป็นศูนย์กลางของชีวิต  / 14 ธันวาคม 2009
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงชี้ ถ้ำพระกุมารแสดงให้เห็นถึงพระเยซูทรงเป็นศูนย์กลางของชีวิต ทั้งยังแสดงออกถึงความรักของพระเจ้าที่เรียกร้องเราให้อุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่น ตอนท้าย ทรงเชิญชวนให้สวดภาวนาเพื่อเหล่ามิชชันนารี่ที่ถูกฆ่าตายในคองโก เคนยา และแอฟริกาใต้
 
เมื่อช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในการนำสัตบุรุษกว่า 18,000 คน สวดเทวทูตถือสาร ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใจความสำคัญของสิ่งที่พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสแบ่งปัน พระองค์ทรงย้ำว่า ถ้ำพระกุมารที่เราสร้างขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ไม่ได้สื่อถึงธรรมเนียมปฏิบัติเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงพระเจ้าผู้เป็นศูนย์กลางของชีวิต ซึ่งเราสามารถเรียนรู้และพบความชื่นชมยินดีในพระองค์

วันนี้ เป็นสัปดาห์ที่ 3 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ตามธรรมเนียมแล้ว สัตบุรุษจะนำรูปพระกุมารมาให้พระสันตะปาปาเสก เพื่อนำกลับไปไว้ในถ้ำพระกุมารภายที่บ้านของตน พระสันตะปาปา จึงเริ่มต้นตรัสทักทายพวกเขาว่า "วันนี้ เมื่อมองลงไปยังลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร พ่อได้เห็นเด็กๆ เยาวชน พ่อแม่ผู้ปกครอง และบรรดาครูคำสอนมารวมตัวกันอย่างมากมาย พ่อขอส่งคำทักทายและความปรารถนาดีไปยังทุกคนที่มาร่วมกันสวดเทวทูตถือสาร การที่มีคนจำนวนมากมาในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า ทุกคนยังคงรักษาขนบธรรมเนียมการสร้างถ้ำพระกุมารไว้ในบ้านระหว่างเทศกาลคริสต์มาส กระนั้นก็ดี การสร้างถ้ำพระกุมารตามประเพณี ย่อมไม่พอแน่ เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือเราต้องพยายามดำเนินชีวิตอยู่กับความจริงในทุกวันทุกจังหวะของชีวิต การดำเนินชีวิตอยู่ในความจริง สามารถทำได้โดยมองไปยังถ้ำพระกุมารในบ้านของเรา ภายในนั้น(ถ้ำพระกุมาร) อาจดูเหมือนมีแต่ความต่ำต้อยและความยากจน แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของพระคริสตเจ้า ซึ่งทรงมอบให้กับมนุษยชาติ"

"ถ้ำพระกุมารคือโรงเรียนสอนชีวิต ภายในถ้ำพระกุมาร เราสามารถเรียนรู้ความลับแห่งความชื่นชมยินดี ถ้ำพระกุมารคือการเตือนใจเราว่า พระเจ้ารักเราจึงยอมลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เราก็ต้องรู้จักอุทิศตนและรักผู้อื่นด้วยเช่นกัน เมื่อเรามองไปยังถ้ำพระกุมาร เราจะพบว่า แม่พระและนักบุญโยเซฟไม่ได้เป็นครอบครัวที่โชคดีเลย พวกท่านมีบุตรคนแรกในช่วงเวลายากลำบาก ทว่า ในความยากลำบากนี้เอง ทั้งสองก็ยังเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะทั้งสองทราบดีว่า นี่คือการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าและช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าประวัติศาสตร์โลก ด้วยการให้กำเนิดพระกุมารเยซู ขณะเดียวกัน บรรดาคนเลี้ยงแกะก็มีความสุข ทำไมพวกเขาต้องชิ่นชมยินดี ทั้งๆที่เด็กที่เกิดมาในถ้ำเลี้ยงสัตว์ไม่ได้ช่วยให้พวกเขาร่ำรวยขึ้น คำตอบก็คือความเชื่อที่พวกเขามี ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า ทารกที่เกิดมาในรางหญ้าคนนี้ คือคนที่จะมาเติมเต็มพระสัญญาที่พระเจ้าให้ไว้กับมนุษย์ได้เป็นจริงและสำเร็จไป"

"พี่น้องที่รัก สิ่งที่พ่อกล่าวมานี่แหละที่เป็นความสุขแท้จริงสำหรับเราทุกคน นี่คือความรู้สึกที่สังคมและชุมชนของเรากำลังได้รับการเติมเต็มด้วยธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คือความรักจากพระเจ้า ในเทศกาลพระคริสตสมภพ เราต้องการความรักและความจริง มากกว่าการเฉลิมฉลองทั่วๆไป เราต้องการใกล้ชิดกับพระเจ้าผู้ทรงมอบความอบอุ่นให้กับจิตใจของเรา พระเจ้าได้เสด็จมาหาเราโดยทางพระเยซู พระองค์คือพระกุมารที่เราวางไว้ในรางหญ้าในถ้ำเลี้ยงสัตว์ พระองค์คือศูนย์กลางของทุกสิ่ง พระองค์คือหัวใจของโลก ดังนั้น ขอให้เราสวดภาวนาเพื่อมนุษย์ทุกคน จะปฏิบัติตนเหมือนกับแม่พระ ด้วยการตอบรับพระเจ้าให้เข้ามาเป็นศูนย์กลางของชีวิต ขอให้พวกเขาตอบรับพระกุมารให้มาประทับในจิตใจของพวกเขาด้วยเถิด"
พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย

หลังการสวดเทวทูตถือสารจบลง พระสันตะปาปาทรงเชิญชวนทุกคน สวดภาวนาเพื่อมิชชันนารี่ 4 คนที่ถูกฆ่าตายในทวีปแอฟริกาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พระองค์ตรัสว่า "ตามที่เราได้ทราบกันว่า มีการฆ่าบรรดาธรรมทูตในทวีปแอฟริกา พ่อจึงอยากให้ทุกคนสวดภาวนาเพื่อดวงวิญญาณของ คุณพ่อดาเนี่ยล ชิซิมย่า (ถูกฆ่าในคองโก), คุณพ่อหลุยส์ บล็องเดล (ถูกฆ่าตายในแอฟริกาใต้), คุณพ่อเจอร์รี่ โรช (ถูกฆ่าตายในเคนยา) และซิสเตอร์เดนิเซ่ คาฮัมบู (ถูกฆ่าตายในคองโก) พวกท่านเหล่านี้ดำเนินชีวิตด้วยการเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสารจนวาระสุดท้ายของชีวิต พวกท่านประกาศพระวรสารโดยไม่กลัวความตายแม้แต่น้อย"

"พ่อขอร่วมเป็นทุกข์ไปกับครอบครัวของพวกท่านทั้งสี่ และขอสัญญาว่า จะสวดภาวนาวอนขอพระเจ้าโปรดรับดวงวิญญาณของท่านทั้งสี่ไว้ในพระอาณาจักรสวรรค์ และได้พักผ่อนนิรันดรในสันติสุขตลอดไป" พระสันตะปาปา ตรัสส่งท้าย