พระสันตะปาปาชี้ชีวิตนิรันดรช่วยคริสตังเตรียมพร้อมรับความตายด้วยความยินดี /06 พฤศจิกายน 2009 -------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงชี้ ความหวังและความเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดร เป็นสิ่งสำคัญช่วยคริสตังให้กล้ายอมรับความตายด้วยความชื่นชมยินดี ย้ำ คริสตังต้องมีความหวังเกี่ยวกับชีวิตนิรันดรตลอดเวลา เพื่อจะได้มีส่วนร่วมในการกลับคืนชีพพร้อมพระคริสตเจ้า
ผู้ทรงชัยเหนือความตายและความชั่วร้ายทั้งปวง เมื่อช่วงสายวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาอุทิศแด่ดวงวิญญาณของพระคาร์ดินัลและพระสังฆราชคาทอลิก ซึ่งสิ้นใจระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2008 ถึง ตุลาคม 2009 โดยพิธีนี้ จัดขึ้นในมหาวิหารนักบุญเปโตร วาติกัน ท่ามกลางผู้ร่วมพิธีจำนวนมาก
ตอนต้นของบทเทศน์ พระสันตะปาปาทรงอ่านรายนามพระคาร์ดินัล 7 องค์ที่กลับสู่อ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้าในรอบปีที่ผ่านมา อันประกอบไปด้วย พระคาร์ดินัล
อาเวรี่ ดุลเลส (อเมริกา), พระคาร์ดินัล ปีโอ ลากี้ (อิตาลี), พระคาร์ดินัล สเตปานอส ที่ 2 กัตตาส (อียิปต์), พระคาร์ดินัล สตีเฟ่น คิม ซู-ฮอน (เกาหลีใต้), พระคาร์ดินัล พอล โจเซฟ พุม ดินห์ ตุง (เวียดนาม), พระคาร์ดินัล อุมแบร์โต้ เบ็ตติ (อิตาลี) และ พระคาร์ดินัล ฌอง มาร์เก้ต์ (มอรีเชียส)
พระวรสารประจำพิธีนี้ เป็นเรื่องคนเฝ้าประตูที่ต้องตื่นเฝ้าตลอดเวลา เพราะเขาไม่รู้ว่า เจ้านายจะกลับมาเมื่อใด (มาร์โก 13:33-37) พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์จึงแบ่งปันว่า "บรรดาพี่น้องพระคาร์ดินัลและพระสังฆราชผู้ล่วงลับ
เปรียบได้กับผู้รับใช้ที่รอคอยการกลับมาของเจ้านาย พวกเขาเฝ้ารอและตื่นตัวตลอดเวลา พี่น้องเหล่านี้ได้รับใช้พระศาสนจักรจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต โดยผ่านทางการเสริมสร้างความมั่นใจและดูแลฝูงแกะของพระคริสตเจ้า, การเป็นประจักษ์พยานถึงพระวรสาร, อุทิศตนอย่างจริงจังให้กับพระอาณาจักรของพระเจ้า"
"การตายจากคนที่เรารักคือความเจ็บปวด อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้มีความเชื่อในพระเจ้า ความเชื่อจะยังอยู่กับเราทั้งในยามทุกข์ระทมและอาลัยอาวรณ์
ความเชื่อและความหวังในชีวิตนิรันดร จะช่วยเราให้กล้าเผชิญหน้าและยอมรับความตายด้วยความชื่นชมยินดี เราจะไม่กลัว เพราะที่สุดแล้ว เมื่อเราผ่านความตายไปได้ เราก็จะได้พบกันใหม่ในอาณาจักรสวรรค์" พระสันตะปาปา ตรัสอย่างหนักแน่น
ตอนท้าย ประมุขผู้ทรงพระชนมายุ 82 ชันษา ทรงกระตุ้นคริสตังให้รักษาความหวังและความเชื่อเรื่องชีวิตนิรันดร เพื่อที่ว่า สักวันหนึ่ง เราจะกลับเป็นขึ้นมาและมีส่วนร่วมในพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้า
"ขอให้เรามีความกล้าที่จะจาริกการเดินทางบนโลกนี้
ด้วยการรักษา "ความหวังทรงชีวิต" ซึ่งเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาในจิตใจของเรา ความหวังเช่นนี้คือเหตุผลบ่งบอกว่า ทำไมเราถึงเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีอย่างเปี่ยมล้น แม้ต้องทนทุกข์ทรมานก็ตาม ถ้าเราสามารถปกปักรักษาความดีและความเชื่อให้บริสุทธิ์และรอดพ้นจากการประจญ ภายภาคหน้า เราก็จะมีส่วนร่วมในชัยชนะและเกียรติมงคลร่วมกับพระคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนชีพอย่างแน่นอน" พระสันตะปาปา ตรัสส่งท้าย |