ค้นหาข้อมูล :

พระสันตะปาปาชี้การแจงถุงยางไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการแก้ปัญหาโรคเอดส์  / 17 มีนาคม 2009

--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงยืนยัน การแจกถุงยางอนามัย ไม่ใช่คำตอบแท้จริงในการแก้ปัญหาโรคเอดส์ เพราะที่ถูกต้องปลูกฝังจิตใต้สำนึก "รักเดียวใจเดียว" เท่านั้น พร้อมกันนี้ ทรงขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเรื่องเลอแฟ๊บวร์ ย้ำอีกรอบ มาแอฟริกาเพื่อประกาศพระวรสาร ระบุชัด คาทอลิกกับมุสลิมอยู่ร่วมกันได้ ถ้ารู้จักเคารพความแตกต่างระหว่างกัน

เมื่อช่วงเช้าวันอังคารที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ได้ประทานการสัมภาษณ์บนเครื่องบินพระที่นั่ง ก่อนออกเดินทางจากกรุงโรม มุ่งหน้าสู่กรุงยาอุนเด้ เมืองหลวงของประเทศแคเมอรูน โดยนี่เป็นครั้งที่ 11 ในสมณสมัยที่พระสันตะปาปาชาวเยอรมันเสด็จอภิบาลคริสตังนอกอิตาลี นอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรกที่พระองค์เสด็จเยือนทวีปแอฟริกาด้วย

ในส่วนคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามพระสันตะปาปา แค่ข้อแรกก็ฮือฮาสุดๆ เพราะทุกคนทราบดีว่า พระสันตะปาปาทรงเสียพระทัยที่การอภัยโทษพระสังฆราชกลุ่มเลอแฟ๊บวร์กลายเป็นชนวนความขัดแย้ง และยังเป็นเหตุให้คริสตังบางคน นำเรื่องนี้มาโจมตีพระองค์ นักข่าวจึงใช้ประเด็นนี้ ถามพระองค์ว่า "พระสันตะบิดารู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อตามหน้าหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ เรียกพระองค์ว่า "พระสันตะปาปาผู้เดียวดาย" จากเหตุการณ์อภัยโทษให้พระสังฆราชแห่งสมาคมนักบุญปีโอ ที่ 10"

พระสันตะปาปาทรงยิ้มรับ ท่ามกลางอาการตกตะลึงของผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก่อนตรัสตอบว่า "พ่อก็ขำๆกับพวกที่หาว่าพ่อเป็นพวกเดียวดาย เพราะในความเป็นจริง พ่อไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเลย พ่อรู้สึกเสมอว่า ข้างกายพ่อ มีเพื่อนผู้นำศาสนาต่างๆ บรรดาพระสังฆราชและสัตบุรุษจำนวนมาก คอยส่งกำลังใจมาให้อยู่เสมอ พ่อจึงขอขอบคุณทุกคน สำหรับคำภาวนาและกำลังใจที่มอบให้อย่างไม่เสื่อมคลาย"

ตามสถิติขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีชาวแอฟริกันประมาณ 22 ล้านคนที่ติดเชื้อเอชไอวี จำนวนนี้ คิดเป็น 67 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลก ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงเสนอแนะให้แก้ปัญหาโรคเอดส์ในแอฟริกา ด้วยการแจกจ่ายถุงยางอนามัยให้ประชากรที่นั่น เพื่อจะได้มีการเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยและลดการแพร่กระจายของโรค นักข่าวจึงถามพระสันตะปาปาว่า พระองค์คิดอย่างไรกับข้อเสนอแนะนี้

พระสันตะปาปา ตรัสตอบว่า "พ่อมองว่า การแจกถุงยางอนามัยไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ปัญหาโรคเอดส์ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการแจกถุงยางอนามัย ตรงกันข้าม มันจะเป็นการเพิ่มปัญหาด้วยซ้ำไป สิ่งเดียวที่จะแก้ปัญหาโรคเอดส์ได้ตรงจุด ก็คือ การยึดมั่นในคำสอนของพระศาสนจักรที่ว่าด้วยการยึดมั่นต่อคู่ครองของตนแต่เพียงผู้เดียว"

ผู้สื่อข่าวทูลถามต่อไปว่า มีผู้ป่วยโรคเอดส์กี่คนที่พระศาสนจักรกำลังดูแลอยู่ พระสันตะปาปาทรงตอบว่า "ปัจจุบัน หน่วยงานของพระศาสนจักรคาทอลิกช่วยอภิบาลผู้ป่วยโรคเอดส์ ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยเอดส์ทั่วโลก"

คำถามต่อไป เป็นเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจโลก ผู้สื่อข่าวถามว่า "พระสันตะปาปามีแนวทางอย่างไรในการช่วยแก้ไขวิกฤติครั้งนี้" พระองค์ตรัสตอบว่า "พ่อมาที่นี่ เพื่อตั้งใจจะเรียกร้องให้นานาชาติ อย่าทอดทิ้งทวีปแอฟริกา และก็ขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า พ่อมาแอฟริกาเพื่อทำพันธกิจด้านจิตใจ ไม่ได้มาเพื่อภารกิจทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ ฉะนั้น สิ่งเดียวที่พ่อพอจะช่วย (เรื่องเศรษฐกิจ) ได้ ก็คือ การนำสารแห่งความหวังจากพระเจ้ามามอบให้ผู้คนที่นี่ เพื่อนำไปปรับใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ"

"เราทุกคนต้องไม่ลืมว่า วิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ มีต้นเหตุมาจากวิกฤติทางศีลธรรม ทุกอย่างเกิดจากความโลภ ความไม่รู้จักพอของมนุษย์ ดังนั้น เมื่อปัญหาเกิดจากการไร้ศีลธรรม ทางแก้ก็ต้องมาจากการใช้ศีลธรรม"
พระสันตะปาปา ตรัสย้ำ

คำถามสุดท้าย ผู้สื่อข่าวถามว่า "แคเมอรูนเป็นประเทศที่มีชาวคาทอลิก 40 เปอร์เซ็นต์ ชาวมุสลิม 20 เปอร์เซ็นต์ พระองค์คิดว่า คนสองกลุ่มนี้ จะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสันติได้หรือไม่"

ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ตรัสปิดท้ายว่า "ได้ซิ พระศาสนจักรคาทอลิกในทวีปแอฟริกามีความสัมพันธ์อันเยี่ยมยอดกับพี่น้องมุสลิม แม้ว่า บางครั้ง จะมีการเข้าใจผิดกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ถ้าเรารู้จักเคารพความแตกต่างและแสวงหาการทำความดีร่วมกัน ปัญหาต่างๆก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน"

ทั้งนี้ พระสันตะปาปาจะเสด็จถึงสนามบินนานาชาติซิมาเล็น เมืองยาอุนเด้ ประเทศแคเมอรูน ในเวลา 16.00 น. (ตรงกับ 22.00 น. ตามเวลาในไทย)