ค้นหาข้อมูล :

พระสันตะปาปาเตือนคริสตชนห้ามนิ่งเฉยเมื่อเผชิญหน้ากับความชั่วร้าย /   วันที่  18/03/09

เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่งมาถึงสนามบินนานาชาติซิมาล็อง กรุงยาอุนเด้ เมืองหลวงประเทศแคเมอรูน เพื่อเริ่มปฏิบัติพันธกิจอภิบาลคริสตังทวีปแอฟริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันทีเสด็จมาถึง ปอล บิย่า ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแคเมอรูน พร้อมด้วย ก็องแตล บิย่า ภริยา ได้เข้ามาต้อนรับ ก่อนจะเชิญพระสันตะบิดาเจ้าดำเนินผ่านกองทหารเกียรติยศ เพื่อขึ้นกล่าวสุนทรพจน์แรก โดยใจความสำคัญนั้น พระองค์ทรงขอร้องว่า ถ้าพบเห็นความอยุติธรรมเกิดขึ้น คริสตชนต้องอย่าทำเป็นมองไม่เห็นเป็นอันขาด แต่เราต้องลุกขึ้นมาสู้ เพื่อสร้างความเสมอภาคและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับสังคม

พระสันตะปาปา เริ่มด้วยการกล่าวถึง นักบุญชาวแอฟริกันนามว่า โจเซฟิเน่ บากิต้า พร้อมขอให้ทุกคนดูท่านนักบุญเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต "ข้าพเจ้ามาแคเมอรูนและทวีปแอฟริกา เพื่อนำความหวังตามหลักพระวรสารมามอบให้กับทุกคน การดำเนินชีวิตอย่างมีความหวัง พวกท่านสามารถดูได้จาก นักบุญโจเซฟิเน่ บากิต้า ซิสเตอร์ชาวซูดานผู้เติบโตจากการเป็นทาส ก่อนจะกลับใจและพบอิสรภาพในการดำเนินชีวิตผ่านทางพระเจ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าขอให้พี่น้องชายหญิงทั้งหลายในทวีปแอฟริกา เปิดใจรับฟังพระสุรเสียงแห่งความหวังและความบรรเทาใจ ที่พระเจ้าเตรียมไว้ให้กับทุกคนด้วย"

จากนั้น พระสันตะปาปาได้ตรัสถึงสารพันปัญหาที่ทวีปแอฟริกาต้องประสบ ก่อนเตือนสติคริสตชนทุกคน อย่าทำเมินเฉย ถ้าพบปัญหาที่สร้างความไม่เสมอภาคในสังคม

"ในอดีต ทวีปแอฟริกาต้องประสบความความทุกข์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งซึ่งทำให้คนมากมายกลายเป็นคนไม่มีที่อยู่อาศัย บางคนกำพร้า บางคนเป็นม่าย หรือจะเป็นเรื่องการถูกมองว่าเป็นแหล่งค้าแรงงานทาส ซึ่งตอนนี้ ก็พัฒนามาเป็นการค้ามนุษย์"

"ส่วนปัจจุบัน ทวีปแอฟริกาก็ต้องประสบปัญหาความอดอยาก ปัญหาโลกร้อน และวิกฤติเศรษฐกิจ ชาวแอฟริกันจำนวนมากต้องพบกับความชั่วร้ายรูปแบบต่างๆ อาทิ ความยากจน ความหิวโหย โรคระบาด การคอร์รัปชั่น การแสวงหาอำนาจในทางที่ผิด สิ่งเหล่านี้ ในฐานะที่เราเป็นคริสตชน เราต้องไม่นิ่งเฉย แต่ต้องลุกขึ้นสู้เพื่อมอบความเสมอภาค สันติสุข และการให้อภัยให้กับคนในสังคม"
ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ตรัสย้ำอย่างหนักแน่น

การมาแอฟริกาครั้งนี้ ดูเหมือนพระสันตะปาปาจะได้รับคำเตือนให้ระวังคนมาแสวงผลหาประโยชน์ ด้วยการโยงเรื่องของพระองค์เข้าเป็นประเด็นทางการเมือง เหมือนอย่างที่เคยเกิดกับการอภัยโทษพระสังฆราชกลุ่มเลอแฟ๊บวร์ พระสันตะปาปาจึงตรัสย้ำเป็นครั้งที่สามว่า มาครั้งนี้ มาในฐานะผู้อภิบาลด้านจิตใจเท่านั้น และไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองอย่างแน่นอน

"ข้าพเจ้ามาทวีปแอฟริกาในฐานะผู้อภิบาล ไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง ข้าพเจ้ามาเพื่อมอบพระวรสารให้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า พระศาสนจักรคาทอลิกไม่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการเมือง แต่เราหวังจะได้รับการปลดปล่อยจากการเป็นทาสของความเสื่อมสลาย เพื่อไปรับอิสรภาพอันรุ่งเรืองแห่งการเป็นบุตรของพระเจ้า (โรม 8:21)"

ในตอนท้าย พระสันตะปาปาผู้ทรงพระชนมายุ 81 ชันษา ทรงแสดงความชื่นชมนโยบายการปกป้องความศักดิ์สิทธิ์ในตัวมนุษย์ของรัฐบาลแคเมอรูน เช่นเดียวกับนโยบายช่วยเหลือผู้ลี้ภัยจากประเทศเพื่อนบ้าน พระองค์ตรัสว่า "แคเมอรูนคือดินแดนแห่งชีวิต ข้าพเจ้าขอขอบคุณคณะรัฐบาลที่ทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องสิทธิการมีชีวิตของทารกทุกคน นอกจากนี้ แคเมอรูนยังเป็นดินแดนแห่งความหวัง นี่คือดินแดนที่ผู้ลี้ภัยสงครามและความหิวโหย มีความหวังจะได้พบกับสิ่งดีๆที่พวกเขาไม่เคยได้รับในบ้านเกิดของตน ดังนั้น ข้าพเจ้าขอเป็นตัวแทนผู้ลี้ภัยทุกคน ขอบคุณรัฐบาลแคเมอรูนไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย"

"ขอพระเจ้าอวยพรแคเมอรูน และขอพระเจ้าอวยพรทวีปแอฟริกา"
พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย

อนึ่ง หลังการกล่าวสุนทรพจน์จบลง พระสันตะปาปาได้ประทับ "รถโป๊ปโมบิล" ไปยังสถานเอกอัครสมณทูตวาติกัน เพื่อเสวยอาหารค่ำและประทับแรมต่อไป