พระสันตะปาปาประกาศ 8-15 พฤษภาคมเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์แน่นอน 9 มีนาคม 2009 -------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงยืนยัน 8-15 พฤษภาคม จะเสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน หลังตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวลือพระสันตะบิดาเจ้าเตรียมยกเลิกการเดินทาง
เพราะความสัมพันธ์ระหว่างวาติกันกับอิสราเอลไม่ราบรื่นที่ควร นอกจากนี้ ทรงขอร้องคริสตังหาเวลาฟื้นฟูจิตใจช่วงมหาพรต เช่นเดียวกับ ทรงเชิญชวนภาวนาเพื่อสตรีทุกคน เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล

เมื่อช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงเป็นประธานในการนำสัตบุรุษกว่า 20,000 คน สวดภาวนาเทวทูตถือสาร ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใจความสำคัญที่พระสันตะบิดาตรัสสอน พระองค์ทรงขอให้คริสตังหาเวลาเข้าเงียบระหว่างมหาพรต เพื่อจะได้มีโอกาสทบทวนชีวิตฝ่ายจิต พร้อมกันนี้ ทรงชวนภาวนาให้ผู้หญิงทุกคน ก่อนปิดท้ายด้วยไฮไลต์สำคัญ นั่นคือ การประกาศว่าจะเสด็จอภิบาลคริสตังทวีปแอฟริกาและแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
พระสันตะปาปาเริ่มต้นตรัส ด้วยการแบ่งปันพระวรสารประจำวันอาทิตย์ที่ 2 ในเทศกาลมหาพรต (มาร์โก 9:2-10) ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ พระสันตะปาปาทรงอธิบายพระคัมภีร์ตอนนี้ โดยโยงเนื้อหากับการเข้าเงียบของพระองค์ว่า "ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา พ่อได้ฟื้นฟูจิตใจกับเพื่อนร่วมงานในโรมันคูเรีย นี่คือสัปดาห์แห่งการภาวนาและความสงบเงียบอย่างแท้จริง พวกเราได้ถวายความคิดและจิตใจแด่พระเจ้า ทั้งยังได้รับฟังพระวาจาและร่วมรำพึงถึงพระธรรมล้ำลึกของพระองค์"
"พระวรสารวันนี้ พระเยซูทรงแสดงพระองค์อย่างรุ่งโรจน์ สิ่งนี้เป็นผลจากการภาวนาอย่างร้อนรน (เทียบ ลูกา 9:28-29) ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อการอฐิษฐานภาวนาบรรลุถึงจุดสูงสุด มันก็จะกลายเป็นบ่อเกิดของความสว่างภายในจิตใจ กล่าวคือ เมื่อจิตใจมนุษย์ได้ยกขึ้นหาพระเจ้า จิตของเขาก็จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ดังที่เราเห็นจากการที่พระเยซูเสด็จขึ้นไปบนภูเขาเพื่อภาวนาพร้อมบรรดาศิษย์ ลักษณะของพระพักตร์และฉลองพระองค์ก็เปลี่ยนไปอย่างรุ่งโรจน์ สิ่งนี้ แสดงใ
ห้เห็นว่า พระเยซูได้ยกจิตใจขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา ผู้ทรงส่งพระองค์ลงมากอบกู้มนุษยชาตินั่นเอง" ***
"พี่น้องที่รัก พ่อจึงอยากเชิญชวนทุกคน ลองหาเวลาเงียบๆให้ตัวเองได้รำพึงภาวนาบ้าง ถ้าเป็นไปได้ พ่อก็อยากให้ทุกคนเข้าเงียบในเทศกาลมหาพรต ทั้งนี้ เพื่อทบทวนชีวิตฝ่ายจิตว่า ยังดำเนินอยู่ในความสว่างตามแผนการของพระบิดาหรือไม่ ก็ขอให้เราทุกคนได้รับการนำทางผ่านการรับฟังพระวาจาของพระเจ้า และผ่านคำเสนอวิงวอนของแม่พระผู้เป็นแบบอย่างยอดเ
ยี่ยมในการภาวนา แม้จะเศร้าสลดเพียงใดกับพระมหาทรมานของพระเยซู แม่พระก็ไม่เคยสูญเสียความเชื่อ ดังนั้น ขอให้แม่พระผู้เป็นพระมารดาแห่งความหวังและความวางใจ ช่วยเสนอวิงวอนเพื่อเราด้วย อาแมน" พระสันตะปาปา ตรัสสรุปช่วงแบ่งปันพระวรสาร
หลังการสวดเทวทูตถือสารจบลง พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึงวันสตรีสากล พร้อมหยิบยกแบบอย่างของ ซิสเตอร์เทเรซาแห่งกัลกัตต้า มาสอนใจสัตุบุรุษว่า "วันที่ 8 มีนาคมของทุกปีเป็นวันสตรีสากล หนึ่งในสตรีผู้ยิ่งใหญ่ประจำยุคสมัยของเราก็คือบุ
ญราศีเทเรซาแห่งกัลกัตต้า ท่านเป็นแบบอย่างให้คนทั้งโลกได้ประจักษ์และก้าวตาม ทั้งเรื่องความรักที่มีต่อพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ แล้วสตรีคนอื่นๆล่ะ พวกท่านก็สามารถเป็นแบบอย่างให้เพื่อนมนุษย์ได้เช่นกัน โดยผ่านทางการทำงานแต่ละวันให้ดีที่สุด เพื่อพระเกียรติมงคลแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า โอกาสนี้ พ่อจึงขอเชิญชวนทุกคน ร่วมกันสวดภาวนาเป็นพิเศษเพื่อบรรดาสุภาพสตรี เพื่อพวกเธอจะได้รับความเคารพต่อความศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานให้ ยิ่งวันยิ่งมากขึ้นด้วย"
ตอนท้าย ไฮไลต์สำคัญก็มาถึง เมื่อพระสันตะปาปาทรงขอคำภาวนาเป็นพิเศษ สำหรับพันธกิจการอภิบาลคริสตังแคเมอรูนและแองโกลาช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนประกาศอย่างชัดเจนว่า จะเสด็จเยือนแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (อิสราเอลและจอร์แดน) ในเดือนพฤษภาคมอย่างแน่นอน
"วันที่ 17-23 มีนาคมนี้ พ่อจะเดินทางไปทวีปแอฟริกา โดยจะไปแคเมอรูนก่อน แล้วตามด้วยแองโกลา การไปครั้งนี้ เพื่อสร้างความใกล้ชิดแบบรูปธรรม ระหว่างพระศาสนจักรกับคริสตังในทวีปแอฟริกา ดังนั้น พ่อขอให้ทุกคน ช่วยสวดภาวนาให้กา
รอภิบาลครั้งนี้ บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ด้วย"
"อีกหนึ่งข่าวที่จะแจ้งให้ทราบก็คือ วันที่ 8-15 พฤษภาคม พ่อจะไปแสวงบุญที่แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การไปเยือนครั้งนี้ พ่อจะสามารถนำของขวัญล้ำค่าจากพระเจ้า ซึ่งได้แก่ความเป็นหนึ่งเดียวกันและสันติภาพ ไปมอบให้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
*** หมายเหตุ - การแสดงองค์อย่างรุ่งโรจน์ของพระเยซู มีรายละเอียดต่างกันในพระวรสารของนักบุญแม็ทธิว, นักบุญมาร์โ
ก, นักบุญลูกา โดยนักบุญแม็ทธิวเล่าถึงเหตุการณ์นี้ว่า พระเยซูทรงเป็นโมเสสคนใหม่ที่ใหญ่กว่าโมเสสคนเดิม ขณะที่นักบุญมาร์โก เล่าว่า นี่เป็นการเปิดเผยพระเมสสิยาห์ในฐานะที่ทำให้ธรรมบัญญัติและคำสอนของบรรดาประกาศกสำเร็จไป ส่วนนักบุญลูกา เล่าว่า การแสดงองค์อย่างรุ่งโรจน์เป็นประสบการณ์ส่วนตัวของพระเยซู เพราะขณะที่ทรงอฐิษฐานอยู่บนภูเขา พระองค์ทรงเห็นการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ ซึ่งจะต้องเกิดที่เยรูซาเล็มอย่างชัดเจน ความแตกต่างกันในการเล่าเรื่องนี้เอ
ง ทำให้ผู้เชี่ยวชาญพระคัมภีร์บางคน คิดว่า นักบุญลูกาใช้ธรรมประเพณีอีกฉบับในการเรียบเรียง (ข้อมูล - พระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่ โดยคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตศาสนธรรม แผนกพระคัมภีร์ ... ถ้าเป็นพระคัมภีร์ปกแข็งสีแดงที่จัดพิมพ์ในโอกาสการฉลอง พระคาร์ดินัลมีชัย ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลครบ 25 ปี ข้อมูลนี้ จะอยู่ในหน้า 218)
|