ค้นหาข้อมูล :

พระสันตะปาปาชี้โรมต้องการสตรีแบบ "น.ฟรานเชสก้า" ในการทำงานรับใช้พระเจ้า / 10 มีนาคม 2009
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงชี้ กรุงโรมต้องการสตรีแบบ "นักบุญฟรานเชสก้า" ในการทำงานรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ เนื่องจากนักบุญองค์นี้ มีทั้งความนบนอบต่อผู้ใหญ่ และความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพื่อใช้ในการอภิบาลอยู่เพียบ
 
  


เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุของค์ที่ 265 แห่งพระศาสนจักรคาทอ ลิก ได้เสด็จมาภาวนาหน้าหลุมศพ "นักบุญฟรานเชสก้า ชาวโรม" ซึ่งตั้งอยู่ที่อารามเขตตอร์ เดสเป็คคี่ จากนั้น ทรงให้ข้อคิดกับคณะซิสเตอร์ในอารามดังกล่าว โดยกล่าวว่า กรุงโรมต้องการสตรีผู้รักการรับใช้เฉกเช่นนักบุญฟรานเชสก้า เพราะนี่คือหญิงเก่งที่มีความหลากหลายอยู่ในตัว

พระสันตะปาปา ตรัสว่า "พ่อขอโมทนาคุณพระเจ้า ที่ประทานโอกาสให้พ่อได้มาภาวนาหน้าหลุมศพของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งพระศ าสนจักรทำการระลึกถึงในวันนี้ นักบุญฟรานเชสก้าได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ.1608 ก่อนที่ ค.ศ.1925 สมเด็จพระสันตะปาปา ปีโอ ที่ 11 จะประกาศให้ท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของผู้ขับขี่ยานยนต์ทุกชนิด เพราะตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา เวลานักบุญฟรานเชสก้าไปไหนในยามค่ำคืน ทูตสวรรค์ของพระเจ้าจะมาส่องไฟนำทางให้ท่านเดินทางอย่างปลอดภัยเสมอ"

"ในเรื่องของการทำงานรับใช้พระเจ้า นักบุญฟรานเชสก้าก็จัดเป็นหนึ่งในหญิงเก่งของพระศาสนจักร ท่านทำงานรับใช้พระเจ้าและเพื่อนมนุษย์ด้วยความรักสุดความสามารถ ท่านร้อนรนกับการอฐิษฐานภาวนา ที่สำคัญ ท่านเป็นนักบวชที่นบนอบต่อผู้ใหญ่อย่ างถึงที่สุด ไม่เพียงเท่านั้น นักบุญฟรานเชสก้ายังรู้จักการกระตุ้นและปลุกใจผู้ใหญ่ในคณะ ให้กล้าออกไปอภิบาลสัตบุรุษด้วยแนวทางใหม่ๆ ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์อย่างไม่มีขอบเขต"

"ผู้ศักดิ์สิทธิ์อย่างนักบุญฟรานเชสก้านี่แหละ ที่กรุงโรมกำลังต้องการ เราจำเป็นต้องมีคนที่มีความสามารถหลากหลายเหมือนอย่างแม่พระ ผู้ทำได้ทุกสิ่งตามพระประสงค์ของพระเจ้า"
พระสันตะปาปา ตรัสย้ำ

ในเมืองไทย อารามคาร์เมลไลท์ สีลม จัดเป็นสถานที่สรรเสริญพระเจ้าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองอันแสนวุ่นวาย อารามตอร์ เดสเป็คคี่ ที่พระสันตะปาปาเสด็จมาภาวนานี้ ก็ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโรมเช่นกัน พระสันตะปาปาจึงตรัสถึงเรื่องนี้ว่า "อารามแห่งนี้ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรมเลย สิ่งนี้ แสดงให้เห็นว่า อารามของท่านเปรียบเสมือนปอดของสังคม เพราะนี่คือการทำให้กรุงโรมมีชีวิตต่อไปได้ โดยไม่ขาดลมหายใจแห่งการภาวนา"

"สุดท้ายนี้ ขอให้เรามอบความวางใจไว้กับแม่พระ ผู้เปี่ยมด้วยความสามารถอันหลากหลายในการรับใช้พระเจ้า และขอให้ทุกค นเตรียมจิตใจอย่างดีตลอดเทศกาลมหาพรต เพื่อจะได้มีส่วนร่วมกับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระคริสตเจ้าในวันสมโภชปาสกา" พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ตรัสปิดท้าย

หลังการภาวนาและให้โอวาทจบลง พระสันตะปาปาทรงทักทายกับซิสเตอร์ในอารามตอร์ เดสเป็คคี่ จำนวน 15 ท่าน จากนั้น ได้เสด็จกลับสู่วาติกัน โดยสวัสดิภาพ