พระสันตะปาปเปรียบพระศาสนจักรคือชุมชนคนบาปที่มีความเชื่อ / 16 มิถุนายน 2008 --------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเปรียบเทีย
บอย่างลึกซึ้ง พระศาสนจักรคือชุมชนคนบาปที่มีความเชื่อในพระเจ้า อาศัยความเชื่อนี้เอง พระเจ้าจะทรงชำระบาปผิดให้หมดไป และทำให้ทุกคนเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับอัครสาวกทั้ง 12 ที่พระเยซูตรัสเรีย
กให้มาเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ นอกจากนี้ ยังทรงปลุกจิตสำนึก ทุกคนมีหน้าที่สร้างสันติภาพให้เกิดกับโลก เช่นเดียวกับการทำทุกวิถึทางให้เกิดการคืนดีกัน
วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน วันที่สองของการปฏิบัติพันธกิจการอภิบาลคริสตังอัครสังฆมณฑลบรินดิซี่-ออสตูนี่ ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นปูเยีย ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทร
งเริ่มต้นเช้าวันใหม่ในเวลา 9.00 น.(ตรงกับ 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ด้วยการเสด็จไปเยี่ยมบรรดาฤาษีคณะเบเนดิกตินและซิสเตอร์คณะคาร์เมไลต์ประจำสังฆมณฑล จากนั้น เวลา 10.00 น. พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงเ
ป็นประธานในพิธีมิสซา ซึ่งจัดขึ้น ณ ท่าเรือ ซานโต อโปลลินาเร่ ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมพิธีกว่า 50,000 คน
ใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงเน้นหนักไปที่เรื่องพันธกิจการแพร่ธรรมของพระศาสนจัก
รเป็นหลัก พระองค์ตรัสว่า "แผนการของพระเจ้า ก็คือ การประกาศให้มวลมนุษยชาติ ได้รับรู้และตระหนักถึงความรักข
องพระองค์ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของชีวิตและสรรพสิ่งทั้งมวล พระเจ้าทรงดำเนินแผนการนี้ โดยการให้อิสระกับทุกคนว่า จะเชื่อและปฏิบัติตามพระองค์หรือไม่ ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ พระเจ้าทรงทราบดีว่า ความรักไม่สามารถกำหนดบทลงโ
ทษคนที่ปฏิเสธได้ ความรักเป็นเรื่องของอิสรภาพในการตัดสินใจ จากมุมมองนี้เอง ทำให้เราเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ธรรมชาติการอภิบาลของพระศาสนจักรก็เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือเราทำทุกอย่างด้วยความศักดิ์สิท
ธิ์ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรักของพระเจ้า พระศาสนจักรต้องกระทำทุกอย่างด้วยความรัก เพื่อเติมเต็มพันธกิจของตัวเองให้ประสบผลสำเร็จ อีกด้านหนึ่งคือ บุคคลใดที่ตอบรับความรักของพระเจ้า พระองค์ก็จะประทานความศักดิ์สิทธิ์ใ
ห้กับคนๆนั้น ในการช่วยประกาศความรักของพระองค์"
"ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือ อัครสาวกทั้ง 12 คน ผู้ตอบรับเสียงเรียกของพระเยซู พวกเขาไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบทุกอย่าง บางคนถูกสังคมตำหนิว่าเป็นคนบาป การที่พระเยซูตรัสเรียก ไม่ใช่เพราะเห็นว่าพวกเขาคือผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่พ
ระองค์ตรัสเรียกเพื่อให้พวกเขากลายมาเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ มันก็เหมือนกับเราคริสตชน พระศาสนจักรคือชุมชนของคนบาปที่มีความเชื่อในความรักพระเจ้า ความเชื่อนี้เอง ที่พระเจ้าจะทรงชำระเราให้เป็นผู้บริสุทธิ์ และเต็มเปี่ยมไปด้ว
ยความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์" พระสันตะปาปา วัย 81 ชันษา ตรัสอธิบายอย่างลึกซึ้ง
ในส่วนของการตรัสแบ่งปันก่อนนำสวดเทวทูตถือสาร ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงกระตุ้นจิตใต้สำนึกทุกคน
ให้ร่วมกันสร้างสันติภาพ พระองค์ทรงนำพระดำรัสซึ่งเคยตรัสที่องค์การสหประชาชาติ มาเตือนสติอีกครั้ง "จนถึงทุกวันนี้ มันยัง
คงเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง สำหรับความพยายามในการสร้างสันติภาพให้เกิดกับดินแดนตะวันออกกลาง พ่อเคยกล่าวย้ำที่องค์การสหประชาชาติไปว่า การสร้างสันติภาพเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่แค่พลเมืองในตะวันอ
อกกลางเท่านั้น แม้ว่า เราจะไม่อาศัยในภูมิภาคดังกล่าว แต่เราก็สามารถหาทางทำให้เกิดการเจรจาสันติภาพ และสร้างการคืนดีให้เกิดขึ้นได้"
ท้ายสุด พระสันตะปาปาทรงกล่าวขอบใจอัครสังฆมณฑลบรินดิซี่-ออสตูนี่ ที่เคยให้สถานพักพิงแก่บรรดาผู้ลี้ภัยสงครามจากประเทศแอลบาเนีย นอกจากนี้ ยังทรงขอบใจที่ต้อนรับพระองค์อย่างดี ตลอดระยะเวลา 2 วันแห่งการเสด็จอภิบาลคริสตังแดนใต้ของอิตา
ลี
หลังจากพิธีมิสซาเสร็จสิ้นลง พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเดินทางไปเสวยอาหารเที่ยงที่บ้านพักพระอัครสังฆราชแห่งบริน
ดิซี่-ออสตูนี่ จากนั้น เวลา 16.45 น. (22.45 น. ตามเวลาประเทศไทย) พระองค์ได้เสด็จไปพบกับบรรดาพระสงฆ์ที่อาสนวิหารประ
จำเมือง ก่อนที่เวลา 17.45 น. (23.45 น. ตามเวลาประเทศไทย) พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง มุ่งหน้าสู่สนามบินคัมปิโน่ กรุงโรม เพื่อเสด็จกลับวาติกันต่อไป ที่มา: http://www.asianews.it/index.php?l=en&art=12515&theme=2&size=A
|