สรุปข่าวระหว่างวันที่ 9-12 มิถุนายน 2008

บุช "เทกแคร์" พระสันตะปาปาอย่างดี ตลอดเวลาที่พระองค์เสด็จอภิบาลคริสตังอเมริกัน
ศุกร์ 13 "บุช" เข้าเฝ้าพระสันตะปาปา วันนี้ (ศุกร์ที่ 13 มิถุนายน) จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะเข้าเฝ้า สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก
ภายในนครรัฐวาติกัน การเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ต่างจากการต้อนรับผู้นำประเทศแบบทั่วๆไป กล่าวคือ เวลาพระสันตะปาปาต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆ ที่มาเข้าเฝ้า พระองค์จะต้อนรับที่ห้องสมุดส่วนพระองค์ แต่สำ
หรับบุช พระสันตะปาปาจะต้อนรับแบบ "วี.ไอ.พี" โดยจะเป็นที่อาคารเซนต์จอห์น ซึ่งตั้งอยู่ในสวนหย่อมวาติกัน ณ ที่นี่ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ จะสนทนากับบุชแบบสั้นๆ ก่อนจะพาผู้นำอเมริกา ไปสวดภาวนาพร้อมกันที่ถ้ำแม่พ
ระเมืองลูร์ด
บางคน อาจสงสัยว่า ทำไม พระสันตะปาปาต้องต้อนรับ จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช หนึ่งในคนที่ประชากรโลกเกลียดขี้หน้า อย่
างยิ่งใหญ่เพียงนี้ ... คำตอบก็คือ พระสันตะปาปาต้องการ "ตอบแทน" น้ำใจของบุชที่ต้อนรับพระองค์อย่างดี ระหว่างที่ทรงเดินทางไปอภิบาลคริสตังอเมริกัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
วิชาปรัชญายังคงความสำคัญในยุคปัจจุบัน หลายคนมอง "วิชาปรัชญา" เป็นเรื่องไร้สาระและไม่สำคัญ แต่ถ้าถามพระสันตะปาปา พระองค์จะตอบว่า "ก็เพราะเรามองข้ามนี่แหละ โลกถึงได้ยุ่งเหยิงเพียงนี้"
พระสันตะปาปาทรงกล่าวกับศาสตราจารย์จาก 25 มหาวิทยาลัยชั้นนำของยุโรปที่มาเข้าเฝ้า โดยขอให้พวกเขาใส่ใจกับการสอนวิชาปรัชญา เพราะนี่เป็นแก่นที่จะทำให้มนุษย์ทุกคน เข้าใจและตระหนักถึงสัจธรรมความจริงตามธรรมช
าติ นอกจากนี้ ยังตรัสตอบโต้แนวคิดของปรัชญา ซึ่งมองว่า พระเจ้าไม่มีจริง
พระองค์ ตรัสว่า "ความเชื่อของคริสตศาสนา ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ถ้าศาสนาคริสต์เป็นแค่ตำนา
นที่บอกต่อกันมา พระศาสนจักรของพระเจ้า คงไม่สามารถยืนหยัด และได้รับความศรัทธามาจนถึงทุกวันนี้"
"ชีวิตสงฆ์จะรุ่ง ต้องมุ่งเป็นหนึ่งกับพระเจ้า"
วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาทรงต้อนรับบรรดาสงฆ์หนุ่มจากสถาบันการทูตแห่งสันตะสำนัก สถาบันนี้ มีหน้าที่อบรมพระสงฆ์ ซึ่งจะไปปฏิบัติหน้าที่ทางการทูตให้กับวาติกันต่อประเทศต่างๆทั่วโลก
พระสงฆ์นักศึกษาจากสถาบันดังกล่าว มาเข้าเฝ้าพระสันตะปาปา เพื่อรับฟังโอวาทเกี่ยวกับการเป็นนักการทูตที่ดี พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ จึงตรัสสอนไปว่า "จริงอยู่ที่พวกท่านกำลังศึกษาวิชาการทูต แต่หน้าที่สำคัญสุดก็คือ ก
ารเป็นพระสงฆ์ที่ดี ส่วนหน้าที่รองลงไปคือเป็นนักการทูตเจริญสัมพันธไมตรี"
"พ่อขอให้ทุกคนร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า นี่คือเคล็ดลับแห่งความสำเร็จในการเป็นสงฆ์ของพระคริสต์ ส่วนเคล็ดลับของการเป็นนักการทูตที่ดี ท่านต้องเป็นพยานยืนยันถึงการประทับอยู่ของพระองค์
รวมทั้ง ต้องแสดงให้ทุกคนเข้าใจว่า พระเจ้าทรงเข้าใจมนุษย์ และทรงรู้วิธีพูดกับหัวใจของพวกเขาแต่ละคน"
พระสันตะปาปาทรงอวยพร หลังให้ข้อคิดการประชุมของสังฆมณฑลโรม จงนำความหวังแท้จริงไปบอกให้โลกรู้
ในการประชุมสัมมนาของสังฆมณฑลโรม ซึ่งจัดที่มหาวิหาร ซาน โจวานนี่ อิน ลาเตราโน่ ภายใต้หัวข้อ "พระเยซูท
รงกลับคืนชีพ : การให้ความรู้เพื่อมีความหวังในการสวดภาวนา การปฏิบัติตน และการประสบความยากลำบาก" เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา พระสันตะปาปาได้เสด็จเป็นประธานเปิดการประชุม โอกาสนี้ ทรงให้
ข้อคิดกับผู้เข้าร่วมทุกคน พระศาสนจักรจะต้องมอบพระพรแห่งความหวังในพระเจ้า ให้กับสังคมที่เมินหน้าออกจากพระองค์
"ทุกวันนี้ มีหลายคนที่มองว่า วิทยาศาสตร์คือความหวังของโลก และสามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง นี่คือ
มุมมองที่ผิด เพราะวิทยาศาสตร์ไม่สามารถให้ความหมายที่แท้จริงของการดำเนินชีวิต วิทยาศาสตร์ไม่สามารถสอนให้เราแยกแยะความดีออกจากความชั่ว ความหวังที่แท้จริงในการดำเนินชีวิต ต้องมาจาก
พระเจ้าเท่านั้น พระองค์คือผู้ประทานสติปัญญาให้กับเรา และสอนให้เรา รู้คุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์"

เข้าเฝ้าประจำสัปดาห์ มาพร้อมความสดใสของพระสันตะปาปา
เข้าเฝ้าประจำสัปดาห์ ถึงคิวของ "นักบุญโคลัมบัน"
พระสันตะปาปาทรงออกมาพบปะสัตบุรุษตามปกติ ในระหว่างการเข้าเฝ้าประจำสัปดาห์ เมื่อวันพุธที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา วันนี้ พระองค์นำชีวประวัติของผู้นำพระศาสนจักรยุคแรกเริ่มอย่าง "นักบุญโคลัมบัน" นักพรตชาวไอริช มาส
อนสั่งสัตบุรุษ
นักบุญโคลัมบัน เป็นมิชชันนารี่ทำงานประกาศพระวรสารในทวีปยุโรป สมัยศตวรรษที่ 6 ท่านเป็นผู้ตั้งอารามนักพรตหลายแหล่ง และจุดนี้เองที่ทำให้เยาวชนชายจำนวนมาก ยอมสละชีวิตทางโลก เพื่อมุ่งหน้ามาอุทิศตนให้กับพระเจ้า
พระสันตะปาปา ทรงสรุปการแบ่งปันเรื่องราวของนักบุญองค์นี้ ด้วยการเชิญชวนชาวยุโรป ให้หวนกลับสู่รากเหง้าดั้งเดิมของตน ซึ่งก็คือ การดำเนินชีวิตอย่างมีความเชื่อตามหลักคริสตศาสนา พระสันตะปาปาเชื่อมั่นว่า สาเหตุที่ศีลธรร
มในทวีปยุโรป ดูเสื่อมลงก็เพราะ ทุกคนมองข้ามความสำคัญของพระเจ้า ตัวอย่างง่ายๆก็คือ การผ่านร่างกฏหมายให้ทำแท้งเสรีในหลายประเทศ นี่คือการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีทางสู้ชัดๆ
|