พระสันตะปาปาขอร้องคริสตังรู้จักรำพึงพระคัมภีร์ในการดำเนินชีวิตประจำวัน /29 ตุลาคม 2009 -------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก
ทรงเรียกร้องคริสตัง ให้รู้จักหาเวลาในแต่ละวันรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อพระวาจาของพระเจ้า จะเป็นแสงส่องทางในชีวิตประจำวัน พร้อมกันนี้ ทรงย้ำ ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่เดินไปด้วยกันได้อย่างแน่นอน เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะสัตบุรุษกว่า 15,000 คน ระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ซึ่งจัดขึ้น ณ ลานหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตร โดยใจความสำคัญของบทสอนประจำวันนี้ พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงขอร้องชาวคาทอลิกทุกคน
เพิ่มความจริงจังและใส่ใจต่อการรำพึงพระคัมภีร์ เฉกเช่นคริสตชนในศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของเทวศาสตร์ในโลกตะวันตก
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "ในศตวรรษที่ 12 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเกิดใหม่ของชีวิตจิต วัฒนธรรม และการเมืองของโลกตะวันตก ยุคดังกล่าว เทวศาสตร์เฟื่องฟูมาก มีการคิดค้นแนวทางมากมายที่ช่วยชี้แจงปัญหา รวมไปถึงวิธีการรำพึงธรรมล้ำลึกของพระเจ้า ผลของการพัฒนาดังกล่าว ปรากฏเด่นชัดในนักบุญชื่อดังประจำศตวรรษที่ 13 อาทิ นักบุญโทมัส และ
นักบุญโบนาเวนตูร่า นอกจากนี้ การที่เทวศาสตร์เฟื่องฟู ยังทำให้เกิดอาราม (การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ) และโรงเรียน (การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ) ซึ่งต่อมาเป็นต้นกำเนิดของมหาวิทยาลัยอีกด้วย"
"การศึกษาเทวศาสตร์แบบสันโดษ (อยู่ในอาราม) ถือเป็นของขวัญที่นักพรตใช้ในการประกาศพระวรสาร และอุทิศตนให้กับพระประสงค์ของพระเจ้า วิธีการนี้ เชื่อมโยงกับการรำพึงพระคัมภีร์และหลักคำสอนที่ผู้นำพระศาสนจักรยุคแรกเริ่มสอนสั่งไว้
นักพรตคือคนที่อุทิศตนอย่างจริงจังให้กับพระคัมภีร์ หนึ่งในหน้าที่หลักๆที่พวกเขาต้องทำในแต่ละวันก็คือการอ่านและรำพึงพระคัมภีร์ (Lectio Divina) การปฏิบัติเช่นนี้ ได้รับการกล่าวย้ำในระหว่างการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกที่กรุงโรม เมื่อปลายปีที่ผ่านมา"
"มันเป็นสิ่งจำเป็นที่คริสตังจะต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์และรับฟังพระวาจาของพระเจ้า เหนือสิ่งอื่นใด เราต้องมีความร้อนรนอย่างแรงกล้าที่จะได้สัมผัสกับพระวาจาของพระองค์ เช่นเดียวกัน
มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องหาเวลาในแต่ละวันให้กับการรำพึงพระคัมภีร์ เพื่อที่ว่า พระวาจาของพระเจ้าจะเป็นแสงส่องทางเราในการดำเนินชีวิตประจำวันบนโลกนี้"
"ขณะที่การศึกษาเทวศาสตร์แบบวิชาการ ได้ก่อให้เกิดระบบอาจารย์และลูกศิษย์ การศึกษาเทวศาสตร์ลักษณะนี้ คือการแสวงหาและศึกษาเหตุผลตามประสามนุษย์ เราศึกษาเพื่อให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว ความเชื่อและเหตุผลเป็นสิ่งที่ก้าวไปด้วยกันได้ สองสิ่งนี้พบได้ในตัวมนุษย์
เพราะความเชื่อได้มอบเสรีภาพให้กับเหตุผล ทั้งยังยกระดับจิตวิญญาณของเราให้สูงขึ้นหาพระเจ้าอีกด้วย"
"ดังนั้น ขอให้เราภาวนาขอพระเจ้า ได้โปรดช่วยนำทางเราไปสู่หนทางแห่งความรู้และการแสวงหาธรรมล้ำลึกของพระองค์ ผ่านทางความรักอันศักดิ์สิทธิ์ที่พระองค์มอบให้เราด้วยเถิด" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย |