ค้นหาข้อมูล :

พระสันตะปาปาปิดซินน็อตแอฟริกาพร้อมขอทุกคนลุกขึ้นติดตามพระเจ้า / 26 ตุลาคม 2009
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชแอฟริกันเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกระตุ้น แอฟริกาต้องลุกขึ้นและกล้าติดตามพระเจ้าตลอดเวลา ย้ำ พระศาสนจักรคือชุมชนแห่งการให้อภัย เช่นเดียวกับ เป็นที่อยู่ของแรงงานผู้แสวงหาความยุติธรรมและสันติ
 
เมื่อช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งทวีปแอฟริกา (แอฟริกัน ซินน็อต) ซึ่งจัดขึ้นภายในมหาวิหารนักบุญเปโตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการประชุมดังกล่าว มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 4-25 ตุลาคม 2009 ท่ามกลางนายชุมพาบาลกาฬทวีปที่มาร่วมถึง 239 องค์ และสำหรับใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำมิสซา พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทรงปลุกใจชาวแอฟริกันให้มีความกล้าที่จะติดตามพระเจ้าผู้เป็นความหวังนำทางชีวิต ก่อนจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่า พระศาสนจักรคือสังคมของผู้ที่แสวงหาการให้อภัย ความยุติธรรม และความสงบสุขบนแผ่นดิน

พระวรสารประจำมิสซาวันอาทิตย์ที่ 30 ในเทศกาลธรรมดา นักบุญมาร์โกได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ พระเยซูทรงช่วยบารทิเมอัส ซึ่งเป็นคนขอทานตาบอดหายจากโรคร้ายดังกล่าว และพอบารทิเมอัสมองเห็น เขาก็ลุกขึ้นติดตามพระเยซูทันที พระสันตะปาปาจึงประยุกต์เรื่องนี้เข้ากับการกระตุ้นคริสตังแอฟริกันว่า "ทวีปแอฟริกาคือดินแดนซึ่งเคยรับเสด็จพระผู้ไถ่เมื่อครั้งพระองค์ทรงอพยพไปกับแม่พระและนักบุญโยเซฟ ครั้งนั้น พระเยซูได้ไปที่อียิปต์เพื่อหนีการตามล่าจากกษัตริย์เฮร็อด ดังนั้น จงลุกขึ้นเถิด แอฟริกา !! จงลุกขึ้นติดตามพระเจ้า ผู้เป็นองค์ความสว่างและเป็นผู้สร้างความสว่างให้กับโลก มนุษย์เป็นบุตรของความสว่าง มนุษย์ถูกสร้างมาให้พบกับความสว่าง แต่บ่อยครั้ง เราตาบอดและเดินหลงทางอยู่ร่ำไป"

"พระศาสนจักรคาทอลิกในแอฟริกา ผ่านทางผู้แทนซึ่งได้แก่พระสังฆราชจากชาติต่างๆในทวีปนี้ รวมไปถึงมาดากัสการ์และเกาะต่างๆ ต่างได้รับสารแห่งความหวังและความสว่างเพื่อก้าวเดินไปยังอาณาจักรของพระเจ้า ฉะนั้น เราต้องเป็นประจักษ์พยานถึงองค์ความสว่างเหมือนอย่างที่ บารทิเมอัส แสดงให้เห็น"

"พระศาสนจักรคือชุมชนของผู้ให้อภัย พระศาสนจักรคือชุมชนของคนงานที่ตรากตรำทำงานเพื่อความยุติธรรมและสันติ พระศาสนจักรคือเกลือดองแผ่นดินและเป็นแสงสว่างส่องโลก การเป็นประจักษ์พยานจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า แม้ในยามมืดมิดของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ พระจิตก็ยังคงทำงานและแปรเปลี่ยนจิตใจของผู้กดขี่ข่มเหงและคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่า แท้จริงแล้ว เราต่างเป็นพี่น้องกัน"
 
ย้อนกลับไปเมื่อ 42 ปีที่แล้ว (ค.ศ.1967) สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 ทรงออกสมณสาส์นชื่อ "การพัฒนาประชาชาติ" (Populorum Progressio) พระสันตะปาปาเบเนดิกต์จึงนำเรื่องนี้ มาแบ่งปันปิดท้ายว่า "เวลาที่เราเข้าไปแพร่ธรรม เราต้องช่วยผู้คนให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของความอดอยากและโรคร้ายต่างๆ เหนือสิ่งอื่นใด การพัฒนามนุษย์ ไม่ได้มีเป้าหมายแค่การพัฒนาด้านร่างกาย เพราะสิ่งสูงสุดคือการพัฒนาจิตใจ เพื่อเสริมสร้างโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน"
 
หลังพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาได้เสด็จออกมายังลานหน้ามหาวิหาร เพื่อเป็นประธานในการสวดเทวทูตถือสาร โดยก่อนภาวนา พระองค์ทรงแบ่งปันความประทับใจจากการประชุมสมัชชาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งทวีปแอฟริกา ให้ทุกคนได้รับฟัง ก่อนจะย้ำกับสัตบุรุษว่า "พ่อดีใจที่ได้เห็นการเติบโตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของพระศาสนจักรในแอฟริกา ทวีปแห่งนี้ จะก้าวต่อไปไม่ได้ ถ้าขาดปังหล่อเลี้ยงชีวิตจิตซึ่งก็คือพระเยซูคริสตเจ้า ... พี่น้องชาวแอฟริกันที่รัก พ่อขอมอบความวางใจเกี่ยวกับผลของการประชุมนี้ไว้ในคำภาวนาของพวกท่าน และพ่อก็ขอเชิญชวนทุกคน กล้าที่จะประพฤติตนตามพระวาจาของพระเยซูที่ว่า ท่านจงเป็นเกลือดองแผ่นดินและเป็นแสงสว่างส่องทวีปแอฟริกาตลอดไป"