พระสันตะปาปาขอร้องคริสตังให้ความสำคัญงานด้านการศึกษาและสอนคำสอน / 08 กันยายน 2009
-------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก
ทรงกระตุ้นคริสตังให้ใส่ใจกับงานบริการรับใช้สังคม เฉพาะอย่างยิ่ง งานด้านการศึกษาและการสอนคำสอน พร้อมกันนี้ ทรงหวังเห็นทุกคนตั้งใจฟังเสียงของพระเจ้า ผู้ทรงอยากให้เรารักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ช่วงสวดเทวทูตถือสาร ทรงย้ำ ศาสนาต้องส่งเสริมการให้อภัย ก่อนปิดท้าย ด้วยการรำลึกครบรอบ 70 ปีสงครามโลก ครั้งที่ 2
เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เริ่มพันธกิจการเสด็จอภิบาลคริสตังสังฆมณฑลวิแตร์โบ ประเทศอิตาลี ด้วยการเป็นประธานในพิธีมิสซาซึ่งจัด ณ
หุบเขาใจกลางเมือง ในส่วนใจความสำคัญของบทเทศน์ประจำพิธี พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงเน้นย้ำความสำคัญของการบริการสังคมตามแบบฉบับคริสตชน โดยเฉพาะพันธกิจการศึกษา เช่นเดียวกับการสอนสั่งพระนามพระเยซูให้คนทั่วไปได้รู้จัก นอกจากนี้ พระองค์ยังขอให้ทุกคนเปิดตัวเองเพื่อรับฟังสิ่งที่พระเจ้าต้องการจะบอกกับเรา
พระสันตะปาปาเริ่มต้นตรัส ด้วยการกล่าวถึงปัญหาการศึกษาในยุคปัจจุบันว่า "ในฐานะคริสตชน เราต้องพร้อมอุทิศตนรับใช้สังคมตลอดเวลา หนึ่งในการรับใช้ที่สำคัญก็คืองานด้านการศึกษา
พ่ออยากให้ข้อคิดกับครูฝ่ายวิชาการและครูคำสอนว่า พวกเราถูกเรียกมาให้รับใช้เยาวชน โดยเริ่มตั้งแต่เด็กชั้นประถมจนถึงระดับมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงพันธกิจการศึกษาแล้ว หน้าที่สำคัญสุดสำหรับคริสตชนก็คือการสอนและให้ความรู้เกี่ยวกับความเชื่อในพระเจ้า แต่การจะสอนความเชื่อในพระให้คนอื่นเข้าใจ ตัวผู้สอนจะต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงพระเจ้าเสียก่อน มิฉะนั้น การสอนสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับพระ ก็จะไม่มีวันบังเกิดผลเลย"
"งานรับใช้สังคมที่พระศาสนจักรกระทำคือเครื่องหมายของความเชื่อและความรักในพระเจ้า ผู้ทรงเป็นองค์แห่งความรักสำหรับโลก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมสมัยนี้ การทำงานอาสาสมัครถึงเพิ่มความต้องการขึ้นอย่างมาก หนึ่งในผู้ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองวิแตร์โบที่รักการทำงานรับใช้เพื่อนมนุษย์ก็คือ บุญราศี โดเมนิโก บาร์เบรี่ ท่านมักจะย้ำเสมอว่า การรับใช้คือการย้ำเตือนว่าพระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ เช่นเดียวกัน ท่านยังแสดงออกให้เราเห็นด้วยว่า การสวดภาวนาคือรูปแบบสำคัญสุดของการแสดงความรักต่อผู้อื่น"
ตอนท้ายของบทเทศน์ พระสันตะปาปาทรงขอร้องทุกคน เปิดใจฟังเสียงของพระเจ้า และอย่ากลัวที่จะใช้ชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อที่มีต่อพระองค์ "พ่ออยากให้ทุกคนใส่ใจต่อพระสุรเสียงที่พระเจ้าตรัสกับเรา ใส่ใจกับเครื่องหมายต่างๆที่พระเจ้าเผยแสดงกับเรา เสียงและเครื่องหมายที่สำคัญและเกิดขึ้นในตอนนี้ก็คือจงรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตัวเอง"
"พี่น้องชายหญิงที่รัก บรรดาเยาวชน และพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคน ... จงอย่ากลัวที่จะดำเนินชีวิตและเป็นประจักษ์พยานถึงพระเจ้าในสังคมที่หลากหลายเฉกเช่นปัจจุบัน
ฤดูกาลมีผันเปลี่ยน บริบทในสังคมมีวันผันแปร แต่กระแสเรียกคริสตชนที่ต้องดำเนินชีวิตตามหลักพระวรสารและร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสสังคมและสูญสลายไปตามกาลเวลาอย่างแน่นอน"
"การอุทิศตนรับใช้สังคมคือการแสดงออกที่เหมาะสมที่สุด นี่คือการพัฒนามนุษย์ให้เจริญก้าวหน้าในพระพรของพระเจ้า" พระสันตะปาปา ตรัสในตอนท้าย
หลังจากพิธีมิสซาจบลง พระสันตะปาปาผู้ทรงพระชนมายุ 82 ชันษา ทรงนำสัตบุรุษสวดเทวทูตถือสาร โดยก่อนภาวนา พระองค์ทรงร่วมรำลึก 70
ปีแห่งการอุบัติขึ้นของสงครามโลก ครั้งที่ 2 พระองค์ตรัสว่า "เราไม่สามารถลบเลือนความทรงจำจากหนึ่งในเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลกได้เลย สงครามโลกครั้ง ที่ 2 ได้พรากชีวิตคนไปกว่า 10 ล้านคนและนำความสูญเสียมากสู่มนุษยชาติอย่างมากมาย หนึ่งในชาติที่ได้รับผลกระทบมากสุดก็คือโปแลนด์ ประเทศที่คนจำนวนต้องตายอย่างไม่มีความผิด ยิ่งไปกว่านั้น บางคนถูกกักตัวเพื่อนำไปสู่การฆาตกรรมหมู่ชาวยิวด้วย"
"จากเหตุการณ์นี้เอง
สิ่งสำคัญสุดที่ศาสนาสามารถมอบให้โลกก็คือการสอนให้คนรู้จักอภัยและคืนดีกัน ศาสนาต้องต่อต้านการใช้ความรุนแรง, การเหยียดผิว และการแบ่งแยกเชื้อชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำลายพระฉายาลักษณ์ของพระเจ้าที่อยู่ในตัวมนุษย์ ก็ขอให้เราวอนขอพระเจ้า โปรดช่วยเราสร้างสันติโดยเริ่มต้นที่การมอบความรักและเสริมสร้างความเข้าใจอันดีแก่กัน" พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย
อนึ่ง ช่วงบ่ายของการอภิบาลคริสตังสังฆมณฑลวิแตร์โบ พระสันตะปาปาได้เสด็จไปที่อาสนวิหารนักบุญนิโคลาส เพื่อสวดภาวนาหน้าพระธาตุ "ส่วนแขน"
ของนักบุญโบนาเวนตูร่า (ศพของนักบุญโบนาเวนตูร่า ถูกฝังไว้ที่ประเทศฝรั่งเศส) และ พระธาตุนักบุญโรซา เวเนรินี่ จากนั้น พระองค์จึงเสด็จกลับวาติกันโดยสวัสดิภาพ |