พระสันตะปาปา ย้ำครอบครัวคือ "ดินดี" สำหรับเพาะกระแสเรียกสงฆ์และนักบวช /31 สิงหาคม 2009
-------------------------------------------------------------------------------- สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขพระศาสนจักรคาทอลิก ทรงย้ำ
ครอบครัวคือเนื้อดินที่อุดมสมบูรณ์ในการบ่มเพาะกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์และนักบวช พร้อมกันนี้ ทรงยก "นักบุญโมนิกา" เป็นแม่ตัวอย่าง เนื่องจากท่านสามารถช่วยนักบุญออกัสตินกลับใจและตระหนักถึงเสียงเรียกในการติดตามพระเยซูคริสต์ ตอนท้าย ทรงร่วมเรียกร้องให้ทุกคนรักษาสภาพอากาศ เพราะนี่คือสิ่งที่แยกออกไม่ได้จากการดำเนินชีวิต เมื่อช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็นประธานในการนำสัตบุรุษกว่า 4,000 คน สวดเทวทูตถือสาร ณ
ลานหน้าพระราชวังฤดูร้อน เขตคาสเตล กันดอลโฟ โดยใจความสำคัญของสิ่งที่พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ตรัสแบ่งปัน พระองค์ทรงยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ครอบครัวที่อบรมเลี้ยงดูลูกๆคือพื้นดินอันอุดมในการเพาะเมล็ดพันธุ์กระแสเรียกการเป็นสงฆ์และนักบวช โดยตัวอย่างที่ชัดเจนคือ "นักบุญโมนิกา" คุณแม่ผู้อดทนของ "นักบุญออกัสติน" อดีตวัยรุ่นผู้เคยหลงผิดแต่ตอนหลังก็กลับใจ
พระสันตะปาปา ตรัสว่า "เมื่อสามีและภรรยาอุทิศตนอย่างจริงจังให้กับการอบรม ชี้แนะ
และนำทางลูกๆให้ค้นพบแผนการแห่งความรักของพระเจ้า มันก็เท่ากับว่า พวกเขา(พ่อแม่)ได้เตรียมดินที่อุดมสมบูรณ์ในจิตใจ ซึ่งได้แก่ กระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์และนักบวชให้กับลูกๆแล้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดและการเติบโตทางความคิดอย่างเต็มที่ในชีวิตสมรส ซึ่งทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นด้วยบ่อเกิดแห่งความรักในพระคริสตเจ้า"
จากนั้น พระสังฆราชแห่งกรุงโรม ได้ตรัสถึง "ปีพระสงฆ์" ปีซึ่งพระองค์ทรงเน้นย้ำความสำคัญเป็นพิเศษ โดยทรงหยิบยก นักบุญจอห์น มารีย์ เวียนเนย์, นักบุญโมนิกา
และนักบุญออกัสติน มาแบ่งปันว่า "พวกเราต้องสวดภาวนาเพื่อพระสงฆ์ ผ่านทางนักบุญผู้เป็นเจ้าอาวาสแห่งเมืองอาร์ส (หมายถึงนักบุญเวียนเนย์) เพื่อที่ว่า ครอบครัวคริสตชนจะกลายเป็นโบสถ์เล็กๆ และกระแสเรียกรวมถึงพระพรจากพระจิต จะได้โปรยปรายลงมาสู่เราแต่ละคน"
"พ่ออยากเน้นย้ำความสำคัญของการอบรมเลี้ยงดูบุตร เพื่อให้พวกเขาตระหนักถึงกระแสเรียกติดตามพระเยซูคริสต์ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือนักบุญโมนิกา แม่ของนักบุญออกัสติน วันระลึกถึงท่านทั้งสองก็เพิ่งจะผ่านมาไม่นานนี้ ในความเป็นจริงแล้ว
นักบุญโมนิกาได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างและองค์อุปถัมภ์ของคุณแม่ทุกคนที่เป็นคริสตชน"
"มีเรื่องราวมากมายที่นักบุญออกัสตินกล่าวถึงนักบุญโมนิกา หนึ่งในนั้นก็คือหนังสือคำสารภาพ (Confessions) ภายในนั้น นักบุญออกัสตินเล่าว่า ท่านได้รู้จักพระนามของพระเยซู ผ่านทางน้ำนมมารดา และท่านก็ได้รับการอบรมหลักความเชื่อคริสตศาสนาโดยแม่นักบุญโมนิกา นักบุญออกัสตินยังระบุด้วยว่า ในยามที่ท่านศีลธรรมเสื่อมทราม นักบุญโมนิกานี่แหละที่สวดภาวนาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกชายของตนกลับใจ แน่นอนว่า
รางวัลที่นักบุญโมนิกาได้รับก็คือลูกชายของท่านกลับใจ พระเจ้าทรงตอบสนองคำภาวนาของแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้ อย่างที่เราทราบกัน นักบุญออกัสตินไม่ได้กลับใจเพียงอย่างเดียว ท่านยังเลือกวิถีชีวิตด้วยการติดตามพระเยซู (บวชเป็นพระสงฆ์) นักบุญออกัสตินได้กลับไปที่แอฟริกา เพื่อก่อตั้งอารามฤาษีอีกด้วย"
"นักบุญออกัสตินเคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า "นักบุญโมนิกาเป็นมากกว่าแม่" หนึ่งในความปรารถนาขั้นสูงสุดของนักบุญโมนิกาก็คือการได้เห็นบุตรชายสุดที่รักของตนกลับใจ แน่นอนว่า
ทุกอย่างเป็นจริงตามที่ท่านหวังไว้ ที่สุดแล้ว นักบุญโมนิกาก็สิ้นใจอย่างมีความสุข ด้วยวัย 56 ปี เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ.387 ก่อนตาย นักบุญโมนิกาได้สั่งลูกหลานว่าไม่ต้องเป็นห่วงหลุมศพของท่าน ขอแค่ระลึกและสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณของท่านก็พอแล้ว" พระสันตะปาปา กล่าวปิดท้ายช่วงแบ่งปัน
และหลังการสวดเทวทูตถือสารจบลง พระสันตะปาปาทรงกล่าวถึง "วันปกป้องสิ่งสร้างสากล" (Save Creation Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 กันยายนของทุกปี โดยปีนี้ มีหัวข้อว่า "อากาศ
ปัจจัยที่แยกออกไม่ได้จากชีวิต" พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์จึงทรงขอให้ทุกคน ร่วมใจกันปกป้องสิ่งสร้างของพระเจ้าอย่างสุดความสามารถ
"วันพุธที่ผ่านมา ระหว่างการเข้าเฝ้าประจำสัปดาห์ พ่อได้กล่าวถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อม มาวันนี้ พ่ออยากขอร้องทุกคนอีกครั้ง ขอได้โปรดช่วยกันปกป้องของขวัญของพระเจ้าอย่างสุดความสามารถ เฉพาะอย่างยิ่ง พ่อขอสนับสนุนให้ประเทศอุตสาหกรรมทั้งหลาย รับผิดชอบร่วมกันเพื่ออนาคตของโลกและประเทศที่ยากจน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของปัญหาชั้นบรรยากาศเปลี่ยนแปลง"
พระสันตะปาปา ตรัสปิดท้าย |