หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

"บทความจาก CATHOLIC WORLD TOUR" / เรียบเรียง โดย...แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ  อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

พระสันตะปาปาเชื่อพระจิตจะนำพาเยาวชนเดินไปในหนทางที่ถูกต้อง / 25 กรกฎาคม 2008
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเชื่อมั่น พระ จิตเจ้าจะนำพาเยาวชนให้ดำเนินชีวิตไปในหนทางที่ถูกต้อง ทั้งในเรื่องการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพี่น้องร่วมโลก และกล้าเป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูคริสต์ พร้อมกันนี้ ทรงยอมรับ สมัยเป็นเด็ก เ คยสงสัยบทบาทของพระจิตในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อได้ศึกษางานเขียนของนักบุญออกัสติน ปัญหาทุกอย่างจึงได้รับคำตอบอย่างกระจ่างชัด

หลังจากช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 19 กรกฏาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ทรงเป็น ประธานในพิธีมิสซาซึ่งจัดขึ้นที่อาสนวิหาร เซนต์ แมรี่ โดยพิธีดังกล่าว พระองค์ทรงเสกพระแท่นที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย มาถึงช่วงบ่าย พระสันตะบิดรผู้ศักดิ์สิทธิ์ ได้ประทับรถยนต์พระที่นั่งออกมุ่งหน้าสู่สนามม้าแ รนด์วิค เพื่อร่วมพิธีคืนตื่นเฝ้าพร้อมกับเยาวชนกว่า 235,000 คน

ระหว่างทางก่อนจะถึงสนามม้าแรนด์วิค พระสันตะปาปาได้เสด็จไปเยี่ยมบ้านเซนต์โจเซฟ ซึ่งเป็นบ้านพักพระสงฆ์เกษียณอายุ ใก ล้กับสนามม้าแรนด์วิค พระองค์ได้ทักทาย พระคาร์ดินัล เอ็ดเวิร์ด แคลนซี่ย์ วัย 84 ปี อดีตประมุขอัครสังฆมณฑลซิดนี่ย์ (ปกครอง ระหว่าง ค.ศ.1983-2001),พระสังฆราช วิลเลี่ยม เบรนแนน และ พระสังฆราช วิลเลี่ยม เมอร์เร่ย์ นอกจากนี้ ยังทรงทักทาย โร สแมรี่ โกลดี้ สตรีวัย 92 ปี ในอดีตเธอผู้นี้ เคยเป็นผู้ช่วยเลขาฐิการสมณสภาเพื่อฆราวาส ทั้งยังเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ ท ี่ได้ทำงานในโรมันคูเรีย การเข้าเยี่ยมดังกล่าว ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยบรรดาผู้อยู่อาศัยทุกคน ล้วนตื่นเต้นและตกใจกันถ้วนหน้า เนื่องจากพระสันตะปาปาไม่ได้แจ้งให้ทราบก่อนว่า พระองค์จะเสด็จมาเยี่ยม

ต่อจากนั้น ในเวลา 19.00 น. พระสันตะปาปาได้เสด็จมาถึงสนามม้าแรนด์วิค เพื่อเป็นประธานในพิธีตื่นเฝ้าและให้โอวาทเทศน์ส อนเยาวชน พิธีนี้ เริ่มขึ้นด้วยพระสันตะปาปาทรงจุดเทียนซึ่งหมายถึงความสว่างส่องโลก จากนั้น ได้มีการต่อเทียน 10 เล่ม ซึ่งเป็ นสัญลักษณ์ของนักบุญและบุญราศีองค์อุปถัมภ์เยาวชนโลกทั้ง 10 องค์ จากนั้น เป็นการขึ้นแบ่งปันประสบการณ์ความเชื่อเกี่ยวกับพระคุณ 7 ประการจากพระจิตเจ้า โดยผู้แทนเยาวชนชาติต่างๆ จำนวน 7 คน หนึ่งในนั้น มีเยาวชนจากประเทศไทยด้วย (แบ่งปั นเรื่องสติปัญญา)

หลังการแบ่งปันจากเยาวชนเสร็จสิ้นลง พระสันตะปาปา ได้กล่าวเทศน์สอน ภายใต้หัวข้อของงานที่พระองค์ทรงเลือก นั่นคือ "ท่าน จะรับอานุภาพ เมื่อพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือท่าน และท่านจะเป็นพยานถึงเรา" (กิจการอัครสาวก 1:8) โดยเน้นให้ทุกคนมีควาห วังในการดำเนินชีวิต, แสวงหาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพี่น้องร่วมโลก, นำพระคุณจากพระจิตเจ้า ไปมอบให้กับครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมชาติ ได้เข้าใจและเป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงพระเยซูคริสต์ในประเทศของตน

พระสันตะปาปา เริ่มต้นเทศน์สอน ด้วยการกล่าวถึงบาทบาทของพระจิตเจ้าในพระศาสนจักร พระองค์เข้าใจดีว่า เป็นเรื่องยากที่จะ ทำให้เยาวชนเข้าใจพระจิตเจ้าได้อย่างลึกซึ้ง แต่กระนั้น ทรงให้กำลังใจ พระจิตคือความรักของพระเจ้าที่มีตัวตนแบบเงียบๆและไม่มีใครมองเห็น นี่คือของขวัญจากพระเยซู เพื่อนำมนุษย์คืนดีและกลับเป็นหนึ่งเดียวกัน

"หลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว พวกอัครสาวกมารวมตัวกันที่ห้องโถงชั้นบนในเยรูซาเล็ม พวกเขาสวดภาวนา ด้วยความรักและวางใจอย่างสุดซึ้งต่อสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ นั่นคือการส่งพระจิตลงมา คืนนี้ เราจะมาร่วมกันทำแบบที่อัครสาวกเคยปฏิบัติ เรามาสวดภาวนาพร้อมกับไม้กางเขนเยาวชนโลกที่ออกเดินทางไปทั่วพิภพ และยังมีรู ปแม่พระเยาวชนโลก เราทำการนี้ ด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่า พระเยซูคริสต์จะส่งพระจิตลงมาหาเรา แบบที่อัครสาวกเคยรอรับเสด็จพระจิต ด้วยความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม"

"มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะเข้าใจบทบาทของพระจิตที่ประทับอยู่ในตัวเรา ในความเป็นจริงแล้ว พระคัมภีร์ระบุรูปลักษณ์ของพระจิตไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นเปลวไฟ, สายลม, ลมหายใจ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราเข้าใจว่า พระจิตมีลักษณ ะเป็นอย่างไร พระจิตคือความเงียบและเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่พระองค์ทรงนำทางเรา ให้กล้าดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงพระเยซูคริสต์"

"คืนนี้ เราทุกคนให้ความสนใจในทิศทางเดียวกันว่า จะปฏิบัติตนอย่างไร เพื่อจะเป็นพยานยืนยันถึงพระเยซูคริสต์ สังคมทุกวันนี้ กำลังถูกแบ่งแยกออกเป็นส่วนๆ ด้วยวิธีการคิดแบบมองโลกด้านเดียว เรามองข้ามความจริงที่พระเจ้า ประทานให้ เรามองข้ามความจริงที่เกิดกับเราแต่ละคน ในฐานะที่เป็นคริสตชน เราจะตอบสนองปัญหาเหล่านี้อย่างไร เราจะหาทางแก้ไขความแตกแยกและโลกที่อ่อนแอได้หรือไม่"

"พ่ออยากให้เราลองถามตัวเองว่า เราจะมอบความหวังแห่งสันติภาพ, การเยียวรักษาและความเป็นหนึ่งเดียวกันให้กับผู้ที่กำลังทะเลาะเบาะแว้งกันได้เช่นไร เราจะช่วยคนที่กำลังทนทุกข์ทรมานจากความรุนแรงต่างๆด้วยวิธีการไห น จงจำไว้ว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการคืนดีกันนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยความพยายามเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้ ต้องอาศัยการนำทางจากพระเจ้า พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้น ที่จะป ระทานความเป็นหนึ่งเดียวกันให้กับเราได้"

"ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพระศาสนจักร นี่เป็นพระพรที่เราต้องตระหนักและเอาใจใส่ด้วยความชื่นชม คืนนี้ พ่อขอให้เราสวดภาวนาวอนขอพระ โปรดประทานทางออกสำหรับวิกฤติต่างๆทั่วโลก ขอพระอง ค์โปรดบันดาลให้มนุษย์ทุกคนกลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกเธอที่เป็นเยาวชน จงหลีกหนีให้พ้นการล่อลวงทุกชนิด จงดำเนินชีวิตอย่างมีวิสัยทัศน์และมีความเชื่ออันเข้มแข็ง จงก้าวไปข้างหน้าอย่างเติบโตและมั่นคงในความจริง นี่คือสิ่งที่เราจะสามารถมอบให้กับโลกได้"

"ใครล่ะที่สามารถทำให้มนุษย์ ก้าวออกจากตัวเอง เพื่อมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ใครล่ะที่นำพามนุษย์ไปสู่ความจริง คำตอบก็คือพ ระจิตเจ้า !! บทบาทของพระจิตก็คือนำพาพันธกิจของพระคริสตเจ้าให้ได้รับการเติมเต็ม เมื่อพวกเธอได้รับพระคุณของพระจิตอย่ างเต็มเปี่ยมแล้ว เธอก็จะเปี่ยมไปด้วยพลังที่จะก้าวออกจากตัวเอง เธอจะมีความกล้าที่จะไม่ยึดติดกับตัวเอง และพร้อมที่จะมอบการยืนหยัดเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าให้กับสังคม"

จากนั้น พระสันตะปาปา แบ่งปันเรื่องราวในวัยเด็กของพระองค์ให้ทุกคนได้ฟัง พระองค์ยอมรับว่า ในวัยเด็ก ไม่เข้าใจว่าพระจิตคื อใคร จนกระทั่งบวชเป็นพระสงฆ์แล้วได้ศึกษางานเขียนของนักบุญออกัสติน จึงเข้าใจบทบาทหน้าที่ของพระจิตอย่างกระจ่างชัด " นักเทวศาสตร์ จะมีมุมมองถึงพระจิตเจ้าอยู่ 3 ประการ หนึ่งคือการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างพระบิดากับพระบุตร ซึ่งทำให้เป็นพระตรีเอกภาพ สองคือเป็นความรักที่นิรันดร์ สามคือเป็นของขวัญและพระพรจากพระเจ้า"

ท้ายสุด พระสันตะปาปา ทรงปิดการเทศน์สอน ด้วยการชื่นชมความสวยงามของคืนตื่นเฝ้า พระองค์ตรัสว่า "คืนนี้ เรามาอยู่ร่วม กันใต้ความสวยงามของดวงดาราบนท้องฟ้า หัวใจและความรู้สึกนึกคิดของเรา ได้รับการเต็มเติมไปด้วยพระพรที่พระเจ้าประทานให้ผ่านทางพระตรีเอกภาพ ขอให้เรารับรู้การประทับอยู่ของพระจิตเจ้าในตัวเรา พระจิตคือผู้สรรสร้า งงานของพระเจ้า ขอให้เราทุกคนได้รับอานุภาพจากพระจิต และกลับไปแบ่งปันพลังนี้ ให้กับคนในครอบครัว, ชุมชน, พี่น้องร่วมประเทศ"

หลังการเทศน์สอนเสร็จสิ้น ได้มีการเฝ้าศีลมหาสนิท โดยพิธีจบลงด้วยการอวยพรศีลมหาสนิทจากพระสันตะปาปา จากนั้น พระองค์ทรงประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากสนามม้าแรนด์วิค เพื่อกลับสู่บ้านพักประจำอาสนวิหารต่อไป