"บทความจาก CATHOLIC WORLD TOUR" / เรียบเรียง โดย...แผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ  อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

พระสันตะปาปาล้างบาปเด็กทารกจำนวน 13 คน /  15 มกราคม 2008

--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเป็นประธานในพิธีมิสซาฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง ซึ่งจัดขึ้นภายในวัดน้อยซิสติน เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา โดยความพิเศษของมิสซานี้ อยู่ที่การโปรดศีลล้างบาปแก่ทารกน้อยจำนวน 13 คน(หญิง 8, ชาย 5) ทั้งหมดเป็นบุตรธิดาของพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในนครรัฐวาติกัน และรวมไปถึงการประกอบพิธีมิสซาแบบหันหลังให้สัตบุรุษอีกด้วย
 
สำหรับใจความสำคัญของบทเทศน์ในพิธี พระสันตะปาปาทรงให้ข้อคิดกับพ่อแม่ของทารกทั้ง 13 คนว่า "การรับศีลล้างบาปคือการมีชีวิตใหม่ในพระเจ้าและยังหมายถึงการได้รับความรอดในพระนามของพระองค์ นี่แหละคือเหตุผลที่ว่า ทำไมพวกท่านจึงพาทารกน้อยเหล่านี้ มารับการล้างอาศัยพระนามของพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่นี้ไป พวกท่าน(พ่อแม่)มีหน้าที่ต้องให้การอบรมเลี้ยงดูพวกเขาอย่างดี ท่านต้องสอนเขาให้เติบโตเป็นคนดี พร้อมสรรพทางด้านร่างกาย และที่สำคัญ ต้องให้การอบรมทางด้านจิตใจอย่างสุดความสามารถด้วย"
 
นอกเหนือจากบทเทศน์ซึ่งคนทั่วไปให้ความสนใจแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการถวายมิสซาแบบหันหน้าเข้าหาพระแท่นและกำแพงที่มีภาพวาด "การพิพากษาครั้งสุดท้าย" (The Last Judgement) โดยมิสซานี้ สันตะสำนักไม่ได้ใช้พระแท่นแบบหลังสังคยานาวาติกัน ที่ 2 แต่ใช้แบบจารีตโบราณซึ่งผู้ประกอบพิธีต้องหันหลังให้สัตบุรุษทุกคน
 
เรื่องนี้ คุณพ่อ กุยโด้ มารินี่ นายจารีตประจำสันตะสำนักกล่าวว่า "ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพระสันตะปาปาต้องการให้ความเคารพสถาปัตยกรรมโครงสร้างของวัดน้อยซิสติน พระองค์ต้องการจะเน้นถึงความสวยงามของพระแท่นบูชาและภาพวาดต่างๆภายในวัดแห่งนี้"
 
อนึ่ง ในระหว่างการขบวนแห่ตอนปิดพิธี พระสันตะปาปาทรงยกพระหัตถ์ขึ้นมาให้สัญญาณว่า แหวนพระสันตะปาปาได้หายไป จากนั้นไม่นาน คุณพ่อกุยโด้ มารินี่ นายจารีตส่วนพระองค์ได้ไปค้นหาบนพระแท่นแล้วถึงได้พบ โดยภายหลังมีการเปิดเผยว่า พระสันตะปาปาทรงถอดแหวนออกและวางไว้บนพระแท่น ก่อนจะลืมในที่สุด
 
และหลังจากเป็นประธานในพิธีมิสซานี้แล้ว พระสันตะปาปาทรงนำสวดภาวนาเทวทูตถือสาร เนื่องในโอกาสวันผู้อพยพ โดยพระองค์ให้ข้อคิดก่อนนำภาวนาว่า "เราต้องให้ความช่วยเหลือผู้อพยพทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนที่ต้องหนีตายจากสงคราม บางคนต้องพลัดพรากจากพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างมากที่จะให้การดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี"

ที่มา: http://www.cwnews.com/news/viewstory.cfm?recnum=55933, http://www.catholicnews.com/data/stories/cns/0800215.htm

ภาพ : AP, AFP, Reuters