พระสันตะปาปาเตือนสติผู้อภิบาล "อย่าทำตัวเป็นดาราตลกเวลาเทศน์สอน" / 25 ตุลาคม 2007
--------------------------------------------------------------------------------
สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ประมุขสูงสุดแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรงเตือ
นสติบรรดาผู้อภิบาลความเชื่อทุกคนว่า ต้องไม่ประพฤติตนเหมือนดาราตลกเวลาเทศน์สอนความเชื่อให้สัตบุรุษ โดยทรงหยิบยกชีวประวัตินักบุญอัมโบรส พระสังฆราชแห่งมิลา
น ผู้ที่จริงจังกับงานคำสอนมาให้ข้อคิดในระหว่างการเข้าเฝ้าทั่วไป ณ ลานหน้า มหาวิหาร ซาน ปิเอโตร เมื่อช่วงเย็นวันพุธที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ได้เสด็จออกมาพบปะและเ
ทศน์สอนสัตบุรุษประมาณ 30,000 คนที่มาเข้าเฝ้า ณ ลานหน้า มหาวิหาร ซาน ปิเอโตร โดยวันนี้ พระสันตะปาปาทรงนำชีวประวัติของ นักบุญอัมโบรส พระสังฆราชคาทอลิกแห่งเมืองมิลาน ซึ่
งมีชีวิตอยู่ระหว่าง ค.ศ.340-397 และยังเป็นหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลอย่างสูงในการกลับใจของนักบุญเอากุสติน มาเทศน์สอนและให้ข้อคิดสัตบุรุษทุกคน
พระสันตะปาปาทรงเทศน์ว่า นักบุญอัมโบรสได้บรรลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับองค์พระเยซูคริสต์โดยการรำพึงพระคัมภีร์ อันเป็นวิธีที่ท่านได้เรียนรู้มาจากออริเจน นักเทววิทยาของพระศาสนจักรยุคแรกเริ่ม นอกจากนี้ นักบุญอัมโบรสยังเป็นหนึ่งใ
นผู้ริเริ่มการนำเสนอวิธีรำพึงพระคัมภีร์แบบเข้มข้นและฟังว่าพระเจ้าตรัสอะไรกับเรา (Lectio Divina) ให้กับโลกตะวันตกอีกด้วย พระสันตะปาปา ตรัสว่า "นักบุญอัมโบรสได้นำเสนอการรำพึงพระคัมภีร์แบบเข้มข้น (Lectio Divina) ให้กับยุโร
ปได้รู้จัก วิธีการปฏิบัตินี้ช่วยนำทางทุกคนที่ฟังบทเทศน์และอ่านงานเขียนของท่าน ได้เข้าใจว่า พระเจ้าตรัสอะไรกับพวกเขา"
"พระสังฆราชอัมโบรส ยังสอนสั่งผู้ปรารถนาจะเป็นคริสตชนด้วยว่า สิ่งแรกที่พวกเขาต้องเรียนรู้ก็คือการมีชีวิตอยู่ในวิถีทางที่ถูกต้อง เพื่อที่ว่า จะได้เตรียมตัวสัมผัสกับพระธรรมล้ำลึกของพระคริสต์เจ้า อีกทั้งยังจำเป็นต้
องอ่านพระคัมภีร์ เพราะนี่คือการเรียนรู้ศิลปะของการมีชีวิตอย่างถูกต้อง นี่เป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า นักบุญอัมโบรสคือแบบอย่างอันดีงามของครูคำสอน ขณะที่บทเทศน์ของท่านยังประจักษ์ชัดในการภาวนาและการดำเนินชีวิตด้วย"
แม้ว่าการเทศน์สอนและรำพึงพระคัมภีร์จะเป็นจุดเด่นของนักบุญอัมโบรส แต่สิ่งที่ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างกลับเป็
นการมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการกลับใจของนักบุญเอากุสติน โดยท่านเป็นผู้ประกอบพิธีรับศีลล้างบาปให้กับนักบุญเอากุสตินด้วย พระสันตะปาปาทรงเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "นักบุญเอากุสตินได้เดินทางไปที่มิลาน ท่านได้เข้าไปฟังนักบุญอัมโบร
สกำลังเทศน์สอนสัตบุรุษ ท่านเลยเกิดความประทับใจในบทเทศน์อันสวยงาม แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือนักบุญเอากุสตินประทับใจการเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์เจ้าที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในตัวพระสังฆราชแห่งมิลาน"
"นักบุญเอากุสตินเคยสงสัยว่า ทำไมเวลาที่นักบุญอัมโบรสอ่านพระคัมภีร์ ท่านถึงไม่อ่านออกเสียง ในที่สุด นักบุญเอากุสติน
ก็เข้าใจว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะนักบุญอัมโบรสยกจิตใจเข้าหาพระเพื่อรับฟังว่า พระองค์ตรัสอะไรกับท่าน นี่แหละคือแก่นแท้ของคำสอนจากนักบุญอัมโบรส" "พวกเราที่เป็นผู้ประกาศความเชื่อก็เช่นกัน เราต้องไม่ทำตัวแบบพวกนักแสดงตลกที่กำลังแสดงบทบาทเวล
าเทศน์สอนสัตบุรุษ เราต้องวางตัวแบบศิษย์ผู้ติดตามพระเยซูอย่างนักบุญอัมโบรส ผู้อุทิศตนให้กับพระอาจารย์เจ้าและพยายามเรียนรู้อยู่เสมอว่า ควรจะคิด,พูด,และแสดงออกไปอย่างไร เวลาที่ทำการเทศน์สอน"
"นักบุญอัมโบรสสิ้นใจในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่มือของท่านกางออกเป็นรูปไม้กางเขน สิ่งนี้บอกเราว่า ท่านได้มีส่วนร่วมในพระธรรมล้ำลึกร่วมกับการสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า และนี่คือบทเทศน์สอ
นสุดท้ายของท่าน แม้จะไม่มีถ้อยคำสื่อออกมา แต่การเป็นพยานยืนยันถึงองค์พระคริสต์ตลอดชีวิตของท่าน ก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดี" พระสันตะปาปา สรุปปิดท้าย
ที่มา : http://www.catholicnewsagency.com/new.php?n=10768
ภาพ : AP, AFP, L'Osservatore Romano, Reuters
|